ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อม ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. และคณะผู้บริหาร อว. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เมื่อเร็วๆ นี้
โดยจุดแรกตรวจเยี่ยมบริเวณอาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ มก. ซึ่งให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคลากร มก.บางเขน นิสิต มก.และประชาชนในเขตกรุงเทพฯตอนเหนือ มี ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้การต้อนรับ
ศ.ดร.เอนก กล่าวว่า หน่วยบริการของ มก.พัฒนาขึ้นโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ฉีดวัคซีนได้เป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง สามารถดำเนินการได้ในภาคสนาม นอกโรงพยาบาลที่มีขนาดของพื้นที่และอุปกรณ์สารสนเทศที่จำกัด และใช้เจ้าหน้าที่จำนวนน้อย โดยนำมาทดลองใช้กับ มก.เป็นแห่งแรก มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับบุคลากร นิสิต และประชาชนรวมประมาณ 120,000 คน และจะให้เสร็จสิ้นในช่วงเดือนกันยายน 2564 นี้ โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา
จากนั้น ศ.ดร.เอนก และคณะเดินทางไปยังจุดบริการวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ บริเวณ CAT Convention Hall มี นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งรับฟังสรุปข้อมูลการเตรียมการและความพร้อมในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 และได้ให้กำลังใจบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้แก่หน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย
รัฐมนตรีว่าการ อว.กล่าวว่า การมาตรวจเยี่ยมหน่วยบริการทั้ง 2 แห่งนี้ เพื่อมาให้กำลังใจและแสดงความขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่มาช่วยในการฉีดวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการใช้ระบบการฉีดวัคซีนในรูปแบบที่ให้ผู้เข้ารับบริการนั่งอยู่กับที่ โดยมีพยาบาลเป็นผู้เดินฉีด และแพทย์เป็นผู้กำกับอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าระบบดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่กำลังทดลองว่า จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
"แต่อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการให้บริการพบว่า มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยดี โดยผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจะใช้เวลาในการรับบริการโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมง รวมถึงการสังเกตอาการและผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน เมื่อไม่มีอาการ ผู้เข้ารับบริการก็สามารถเดินทางกลับได้" ศ.ดร.เอนก กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)
