ก.ค.ศ.ออกเกณฑ์ใหม่! พิจารณาเลื่อนเงินเดือน-ระเบียบทะเบียนประวัติครูฯ

 

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รายงานผลการประชุมคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน

โดยที่ประชุม ก.ค.ศ.ได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีมติที่สำคัญ ได้แก่ 

1.อนุมัติหลักการการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ซึ่งสืบเนื่องจาก ก.ค.ศ.ได้มีการกำหนดมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะใหม่ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกตำแหน่ง ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการฯดังกล่าว ได้กำหนดให้นำผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงไปใช้เป็นองค์ประกอบในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน

ประกอบกับ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการขับเคลื่อนการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 5 เรื่อง ซึ่งนโยบายที่ 2 คือ การปรับระบบการประเมินวิทยฐานะควบคู่กับระบบการประเมินเงินเดือน

ดังนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะ และหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะดังกล่าว โดยเห็นควรกำหนดหลักการการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน 6 ประเด็น ดังนี้

1) สภาพปัญหา ปัจจุบันการประเมินเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะและการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือนมีการกำหนดให้ใช้เครื่องมือ วิธีการ รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีภาระงานเพิ่มขึ้นจากการประเมินที่ซ้ำซ้อน

2) หลักการ 2.1 เพื่อลดความซ้ำซ้อนจากการประเมิน ลดภาระงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดภาระด้านงบประมาณภาครัฐ รวมทั้งเกิดการเชื่อมโยงบูรณาการกันระหว่างการประเมินแต่ละระบบ ดังนั้น จึงกำหนดรูปแบบการประเมินที่ใช้ตัวชี้วัดเดียวกัน เพื่อให้สามารถนำผลการประเมินมาใช้ ทั้งในการประเมินเพื่อให้มีและเลื่อนวิทยฐานะ การประเมินเพื่อคงวิทยฐานะ รวมทั้งการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือน

2.2 เน้นระบบการประเมินแบบ Performance-based Appraisal เป็นหลัก โดยใช้ระบบการประเมินแบบ Result-based Appraisal ร่วมด้วย

2.3 กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน (ยกเว้นตำแหน่งครูผู้ช่วย) ต้องจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานทุกปีงบประมาณเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง และส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนางานของแต่ละตำแหน่ง

โดยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแต่ละคนต้องปฏิบัติงานให้ได้ตามระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามตำแหน่งและวิทยฐานะของตนเอง ซึ่งในส่วนของการประเมินผลการปฏิบัติงานนั้น ผลการประเมินข้อตกลงการพัฒนางานจะนำมาใช้พิจารณาผลการประเมินในองค์ประกอบที่ 1

3) องค์ประกอบการประเมิน ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนดองค์ประกอบการประเมิน 3 ข้อ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน (เน้นการประเมินผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง) 80 คะแนน

องค์ประกอบที่ 2 การประเมินการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา (เน้นการประเมินการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานของตนเอง) 10 คะแนน และองค์ประกอบที่ 3 การประเมินการปฏิบัติตนในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ (เน้นการประเมินพฤติกรรมและการปฏิบัติตน) 10 คะแนน

4) เครื่องมือ การประเมินข้อตกลงในการพัฒนางานเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ (PA) การคงวิทยฐานะ และการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือน ใช้ตัวชี้วัดในการประเมินชุดเดียวกัน ซึ่งกำหนดจากงานตามมาตรฐานตำแหน่ง    

5) วิธีการประเมิน องค์ประกอบที่ 1

การประเมินผลการปฏิบัติงานครั้งที่ 1.นำข้อตกลงในการพัฒนางานมากำหนดขอบเขตของผลการปฏิบัติงานที่คาดหวัง 2.ให้ผู้บังคับบัญชาประเมินผลการปฏิบัติงานตามขอบเขตของผลการปฏิบัติงานที่คาดหวัง

การประเมินผลการปฏิบัติงานครั้งที่ ให้ผู้บังคับบัญชานำผลการประเมินข้อตกลงในการพัฒนางานมาใช้ประกอบการพิจารณา

องค์ประกอบที่ 2 และ 3 การประเมินผลการปฏิบัติงานทั้ง 2 รอบการประเมิน ให้ผู้บังคับบัญชาประเมินตามสภาพการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน

6) การนผลการประเมินไปใช้ ใช้ในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน การประเมินเพื่อคงวิทยฐานะ และใช้เป็นคุณสมบัติในการขอให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ค.ศ.ยังได้เห็นชอบเรื่องที่ 2 (ร่าง) ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยระบบทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …

สืบเนื่องจากที่ ก.ค.ศ. ได้จัดทำระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยระบบทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2555 ขึ้น เพื่อใช้ในการบริหารงานและขับเคลื่อนการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อให้มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผล

เป็นไปตามมาตรา 19 (4) และ (17) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ที่กำหนดให้มีการจัดทำระบบทะเบียนประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และเป็นไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการบูรณาการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐเพื่อลดการสำเนาเอกสารและใช้ข้อมูลร่วมกัน

ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้มี 2 ระบบ คือ ระบบเอกสาร และระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระเบียบดังกล่าวได้กำหนดให้มีการพิจารณาทบทวนระเบียบนี้ อย่างน้อยทุกรอบระยะเวลาสองปี เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมและความสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่ได้มีการพัฒนาหรือได้มีการเปลี่ยนแปลงไป

ก.ค.ศ.จึงได้พิจารณาทบทวน ปรับปรุง และแก้ไขระเบียบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยได้มีการแก้ไขเป็น (ร่าง) ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยระบบทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ...

ซึ่งในรายละเอียดของ (ร่าง) ระเบียบดังกล่าว กำหนดให้การจัดทำข้อมูลทะเบียนประวัติจะเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียว โดยจะไม่มีการจัดทำระบบเอกสาร และในขณะเดียวกันสำนักงานก.ค.ศ.ก็ได้พัฒนาระบบทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนิกส์ (CMSS) ควบคู่ไปพร้อมกับ (ร่าง) ระเบียบ ก.ค.ศ.ฯดังกล่าวด้วย เพื่อให้มีความสอดคล้องกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สามารถจัดทำทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถนำข้อมูลในระบบทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนิกส์ (CMSS) ไปใช้ในการบริหารงานบุคคล เพื่อให้สามารถสืบค้น อ้างอิง และใช้เป็นหลักฐานที่ใช้ในราชการได้

ซึ่งเป็นไปตามวาระเร่งด่วน (Quick win) ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของประเทศให้เป็นระบบ มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ถูกต้องเป็นปัจจุบัน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)