'ผู้ปกครอง-น.ร.' สพฐ. รับเยียวยาอีกรอบ! เงินอุดหนุนอุปกรณ์เรียน-เครื่องแบบ

 

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com รายงานว่า ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ลงนามในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตทั่วประเทศ แจ้งเรื่องแนวทางการจ่ายเงินอุดหนุนรายการค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าเครื่องแบบนักเรียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมแนบส่งแบบฟอร์มการบันทึกข้อมูลโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารมาด้วย จำนวน 1 ชุด

ทั้งนี้ โดยมีใจความสำคัญสรุปได้ว่า สืบเนื่องจากในส่วนที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับ ศธ.คืนค่าเทอมปีการศึกษา 2564 เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระผู้ปกครองและนักเรียนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยก่อนหน้านี้สถานศึกษาในสังกัด สพฐ.ได้เริ่มทยอยคืนเงินในส่วนเงินบำรุงการศึกษาแก่ผู้ปกครองและนักเรียนไปแล้ว เช่น ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายคืนเงินตั้งแต่ประมาณ 1,000-4,000 บาท แล้วแต่แผนการเรียน, ห้องเรียนปกติ/พิเศษ

ยังเหลือการจ่ายเงินอุดหนุนรายการค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าเครื่องแบบนักเรียนที่กำลังจะทยอยจ่ายให้กับผู้ปกครองและนักเรียนตามจำนวนเงินอุดหนุนที่ได้รับในแต่ละระดับชั้นเรียน เช่น นักเรียนชั้น ม.6 ได้รับคนละประมาณ 600 บาท (ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้โรงเรียนไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ และนักเรียนไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้)

ซึ่งเดิมกำหนดให้สถานศึกษาจ่ายเงินสดให้กับนักเรียนและ/หรือผู้ปกครอง แต่เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีความรุนแรง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ปกครองและนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา

สพฐ.จึงได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพื่อแจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดรับทราบว่า สพฐ.ได้กำหนดวิธีการจ่ายเงิน (เพิ่มเติม) โดยให้สถานศึกษาสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ปกครองหรือนักเรียนได้ โดยการดำเนินการวิธีใดนั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของโรงเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกันพิจารณากำหนดวิธีการจ่ายเงินของแต่ละโรงเรียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์

 

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)