นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ให้กับนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคนทุกสังกัด รวมจำนวนกว่า 4.5 ล้านคน ทั้งในสังกัด ศธ., กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, โรงเรียนพระปริยัติธรรม, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และสังกัดกรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 นี้ว่า
ในการจัดเตรียมรายชื่อนักเรียน นักศึกษาและจำนวนนักเรียน นักศึกษา ได้ขอให้สถานศึกษาดำเนินการดังนี้ 1.สรุปรายชื่อนักเรียนที่ผู้ปกครองประสงค์ให้ฉีดวัคซีน โดยระบุรายละเอียด ชื่อ-นามสกุล /เลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก /วัน-เดือน-ปีเกิด / ฉีด-ไม่ฉีด พร้อมกับสรุปยอดรวมจำนวนนักเรียนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนต่อศึกษาธิการจังหวัด
2.ในกรณีสถานศึกษามีนักเรียน นักศึกษาในสังกัดที่ประสงค์จะฉีดวัคซีน แต่นักเรียน นักศึกษารายนั้นไม่ได้พักอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ตั้งของสถานศึกษา เช่น สถานศึกษาอยู่ในกรุงเทพฯ แต่นักเรียน นักศึกษาพักอาศัยอยู่จังหวัดใด ให้สถานศึกษาจัดทำรายชื่อนักเรียนรายนั้นแยกต่างหากเสนอต่อศึกษาธิการจังหวัด ภายในวันที่ 26 กันยายน 2564 โดยระบุข้อมูลดังนี้ 1. ชื่อ-นามสกุล 2.เลขบัตรประชาชน 13 หลัก 3.วัน-เดือน-ปีเกิด และ 4.อำเภอและจังหวัดที่เด็กพักอาศัย
จากนั้นให้ศึกษาธิการจังหวัดเสนอคณะกรรมการจัดเตรียมรายชื่อนักเรียน นักศึกษากลุ่มนี้ เพื่อสรุปรายชื่อนักเรียน นักศึกษาและจำนวนนักเรียน นักศึกษา และรายชื่อแยกรายจังหวัด ส่งมายังสำนักบูรณาการกิจการการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ภายในวันที่ 28 กันยายน 2564
หลังจากนั้นในวันที่ 29 กันยายน 2564 สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สรุปจำนวนนักเรียน นักศึกษาที่พักอาศัยในจังหวัดที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาต้นสังกัด รวม 77 จังหวัด แล้วนำเสนอต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในวันที่ 30 กันยายน 2564 เพื่อให้กรมควบคุมโรค สธ.จัดสรรยอดวัคซีนเพิ่มรายจังหวัด และให้สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้กำหนดวัน เวลา และสถานที่สำหรับการฉีดวัคซีนของนักเรียน นักศึกษากลุ่มดังกล่าว
"ทั้งนี้ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้ฉีดวัคซีนในจังหวัดที่ตนเองพักอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เป็นการอำนวยความสะดวกและลดภาระการรับ-ส่งของผู้ปกครองในการเดินทางไปฉีดวัคซีน" รมว.ตรีนุช กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)
