เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (ผอ.สกสค.) จังหวัดชัยภูมิ 4 วาระ ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. แถลงผลงานในรอบเกือบ 1 ปี ตามนโยบายที่ให้ไว้อย่างสวยหรู “เลขาฯ สกสค.คนที่ 9 กับ 9 เรื่องทำทันที”
โดยเฉพาะนโยบายเรื่องการต่อประกันเงินกู้โครงการสวัสดิการสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ภายใน 30 วันนั้น นายธนพรได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
เพราะช่วงที่ผ่านมามีสมาชิก ช.พ.ค.ในจังหวัดต่างๆ จำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ต่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.และเสียชีวิต ส่งผลให้ทายาทไม่ได้รับเงินฌาปนกิจ ช.พ.ค. เนื่องจากต้องนำไปใช้หนี้คงเหลือกับธนาคารออมสิน
รวมทั้งมีสมาชิก ช.พ.ค.จำนวนมากที่ยังค้างคาใจการทำหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ในการจัดหาบริษัทประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.ราคาถูกลงให้กับสมาชิก ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อสงสัยในกรณีมีกระแสข่าวคราวว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราเบี้ยประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.สูงขึ้นจริงหรือไม่?
สานิตย์ พลศรี
นายสานิตย์กล่าวว่า กระแสข่าวเหล่านี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.อย่างยิ่ง ในฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ต้องทำหน้าที่ส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา
“ดังนั้น ผมขอเรียกร้องนายธนพรให้ออกมาแถลงความคืบหน้านโยบายเรื่องการต่อประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค. ทั้งโครงการเงินกู้ 6 แสนบาท, 1.2 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท รวมถึงชี้แจงเรื่องค้างคาใจของสมาชิก ช.พ.ค.เกี่ยวกับการจัดหาบริษัทประกันราคาถูก และเรื่องการอนุมัติให้ปรับขึ้นอัตราเบี้ยประกันเงินกู้ ช.พ.ค.สูงขึ้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ อย่างไร”
ผอ.สกสค.จังหวัดชัยภูมิ 4 วาระ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีสมาชิก ช.พ.ค.จำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการทำประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.กับบริษัทประกันที่ทางธนาคารออมสินเจ้าของเงินกู้จัดหาให้ โดยต้องการทำประกันกับบริษัทประกันที่คิดเบี้ยประกันถูกกว่า ในขณะที่ทางธนาคารออมสินแม้จะเป็นเจ้าของเงินกู้ แต่ก็มีข้อจำกัดตามกฎหมายประกันภัยที่ห้ามบังคับลูกหนี้ ต้องให้ทำด้วยความสมัครใจ จึงเกิดกรณีที่ทำให้ทายาทของสมาชิก ช.พ.ค.เหล่านี้เดือดร้อนไม่ได้รับเงินฌาปนกิจดังกล่าว
ถึงเวลาแล้วที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.คนปัจจุบัน คือนายธนพร จะต้องลงมาสะสางปัญหาเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลไปถึงการบรรเทาปัญหาหนี้สินให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาในฐานะสมาชิก ช.พ.ค.หลายแสนคนทั่วประเทศให้เบาบางลงได้
ทั้งนี้ ในสมัยเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.หลายคนก่อนหน้านี้ ก็พยายามหาแนวทางบรรเทาปัญหาหนี้สินให้กับครูฯ ซึ่งจะส่งผลไปถึงการได้บริษัทประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.ราคาถูกลงด้วย
เช่น สมัยนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เคยเสนอแนวทางที่ทำให้บรรดาคุณครูและบุคลากรทางการศึกษาต่างตั้งความหวังไว้อย่างมาก คือ การเสนอธนาคารออมสินให้ลดดอกเบี้ยลงให้มากที่สุด อย่างน้อย 1% เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้รับดอกเบี้ยจากครูฯจำนวนกว่า 4 แสนคน ที่กู้ในหลายโครงการไปจำนวนมหาศาลแล้ว ส่วนเรื่องการประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค. ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.จัดประมูลแข่งขันหาบริษัทประกันที่มั่นคงและให้ราคาเบี้ยประกันต่ำสุด
แต่หากธนาคารออมสินปฏิเสธ นายพินิจศักดิ์ก็มีแนวคิดที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ส่วนกลาง หรือกระจายอำนาจให้ สกสค.แต่ละจังหวัดประสานสถาบันการเงินอื่นมาซื้อหนี้คิดดอกเบี้ยต่ำของครูฯลูกหนี้ที่มีวินัยทางการเงินดีไปบริหารจัดการแทนธนาคารออมสิน
นายสานิตย์กล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลานั้นนายพินิจศักดิ์เองมีความมั่นใจว่า จะมีหลายสถาบันการเงินที่ให้ความสนใจ เพราะจำนวนหนี้ของครูฯแต่ละคนได้ทยอยผ่อนมาร่วม 10 ปี ทำให้ลดลงไปพอสมควรแล้ว และเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินครู รวมถึงได้บริษัทประกันชีวิตเพื่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.ที่ให้ราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่าบริษัทเดิมด้วย
“ฉะนั้น ถ้านายธนพรจริงใจในการช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินครู รวมถึงเรื่องเบี้ยประกันเงินกู้ ช.พ.ค.ราคาถูก ซึ่งมีแนวทางดังกล่าวอยู่แล้ว ก็ย่อมสำเร็จได้ และได้รับการยอมรับจากครูฯทั้งประเทศแน่นอน รวมทั้งยังช่วยแก้ภาพลักษณ์ของ สกสค.เกี่ยวกับโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.อีกด้วย ซึ่งถูกครูฯโจมตีมาตลอดว่าหลอกลวงครูให้กู้ โดยโฆษณาชวนเชื่อว่ากู้วงเงินเท่านี้ ผ่อนเดือนละเท่านั้น กี่งวดหมด แต่เอาเข้าจริงจำนวนหนี้ยังเหลืออยู่ให้ผ่อนไปอีกแบบมาราธอน” ผอ.สกสค.จังหวัดชัยภูมิ 4 วาระ กล่าว
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)
