ชมรม ผอ.สพท.แจง!ทุจริตยุค อ.ก.ค.ศ.เขตเรื่องเฉพาะบุคคล ชงเพิ่มมาตรการคุมเข้ม

 

ธนชน มุทาพร

นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) กล่าวชี้แจงกรณีศาตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา ได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านการคืนอำนาจการบริหารงานบุคคลให้กับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.)

โดยเกรงว่าอาจจะเกิดการทุจริตคอรัปชั่นการโยกย้ายบรรจุแต่งตั้งขึ้นอีก ซึ่งเป็นภาพเก่าก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประกาศยกเลิกคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) และให้มีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ขึ้นมาตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 ในที่สุด

นายธนชนกล่าวว่า ในนามของชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย ต้องขอเรียนว่าข้อห่วงใยและกังวลใจของศาตราจารย์ ดร.สมพงษ์ดังกล่าว ทางชมรมฯและเครือข่ายองค์กรครูทั่วประเทศต่างทราบดีในข้อเท็จจริงว่า เป็นกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวบุคคล มิใช่เกิดจากระบบหรือโครงสร้างขององค์กรแต่อย่างใด และเกิดขึ้นเฉพาะแห่ง ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

เพราะถ้าเป็นดังเช่นที่ศาตราจารย์ ดร.สมพงษ์ให้ความคิดเห็นไว้ อดีต ผอ.สพท.ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วในยุคที่เป็น อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาและเลขานุการ คงจะมีแต่คนร่ำรวยมีทรัพย์สินมากมายที่เกิดจากการแสวงหาผลประโยชน์จากการโยกย้ายบรรจุแต่งตั้ง 

แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ อดีต ผอ.สพท.เกือบทุกคนมีความเป็นอยู่ตามอัตภาพ ไม่มีอะไรแตกต่างจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่นๆ เลย อดีต ผอ.สพท.หลายคนยังมีหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์หรือธนาคารออมสินเช่นเดิม

นี่คือความจริงที่ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทยขอยืนยันว่า ผอ.สพท.ทั้งในอดีตและในปัจจุบันส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มิได้มีกรณีดังเช่นที่ศาตราจารย์ ดร.สมพงษ์มีความกังวลใจแต่อย่างใด

ประธานชมรม ผอ.สพท.กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ที่มี กศจ.เป็นผู้มีอำนาจในการบริหารงานบุคคล ก็ยังปรากฎข่าวลักษณะดังกล่าวนี้เช่นกัน ซึ่งก็เกิดจากตัวบุคคลอันน้อยนิด มิใช่เกิดจากระบบหรือโครงสร้างอำนาจในการบริหารงานบุคคลแต่อย่างใด

ดังนั้น จึงมิอยากให้นำประเด็นเก่าๆ ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่แห่ง นำมาเป็นประเด็นคัดค้านการคืนอำนาจการบริหารงานบุคคลกลับมายังผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นข้อห่วงใหญ่ของศาตราจารย์ ดร.สมพงษ์ดังกล่าวนี้ ทางชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายวิชาชีพครูไทย (ค.อ.ท.) จะจัดทำข้อเสนอไปยังคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญเพื่อแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.แก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 ในประเด็นขององค์ประกอบของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้มีจำนวนและความเหมาะสมยิ่งขึ้น 

โดยให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมทั้งระดับชาติและระดับจังหวัด เพื่อเป็นหลักประกันในการบริหารงานบุคคลจะต้องเป็นระบบคุณธรรมโปร่งใสตรวจสอบได้

รวมทั้งจะจัดทำข้อเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ให้ออกกฎ ก.ค.ศ.หรือระเบียบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติและวิธีการสรรหา อ.ก.ค.ศ.ให้เอื้อต่อการมิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติหรือมีประวัติด่างพร้อยเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์จากการโยกย้ายบรรจุแต่งตั้งได้มีโอกาสเข้ามาเป็น อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา

รวมไปถึงให้มีระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้เป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงทั้งผู้ให้และผู้รับ รวมถึงผู้สนับสนุนให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งผู้แทนข้าราชการครูฯใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา

ออกระเบียบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลให้โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การย้ายของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะต้องลดการให้คะแนนที่ใช้ดุลพินิจให้เหลือน้อยที่สุดไม่ควรเกิน 10% โดยให้องค์คณะบุคคล (ยกเว้นผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) พิจารณาให้คะแนนดุลพินิจ 5% และอีก 5% ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ให้คะแนน

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลย์ของการให้คะแนนดุลพินิจไม่ให้เกิดทุจริตได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าผู้ขอย้ายท่านรายใดมีผลงานเชิงประจักษ์ สามารถตรวจสอบได้ตามตัวชี้วัด จะมีคะแนนในส่วนนี้มาก เพราะมีค่าน้ำหนักคะแนนไม่น้อยกว่า 90% ซึ่งหลักเกณฑ์ฯในลักษณะดังกล่าวนี้ จะทำให้ได้คนดีมีความรู้ ความสามารถได้รับการพิจารณามากที่สุด

และถ้าผลการพิจารณาได้บุคคลที่มีผลงานเชิงประจักษ์ที่น้อยเกินไป ก็จะถูกเข้าสู่กระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ก.ค.ศ. ศาลปกครอง หรือศาลอาญาทุจริตต่อไป 

นายธนชนกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะเสนอให้ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 ยังคงอำนาจของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ข้อ 3 (5) (6) ไว้ก่อน เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาบรรจุแต่งตั้งหรือกรณีอื่นๆ กระทำการที่ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่

โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สามารถใช้อำนาจของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ตามข้อ 3 (5) (6) ได้ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางการบริหารเพื่อป้องปรามมิให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้พึงสังวรณระมัดระวังในการใช้อำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลมากที่สุด

ขณะเดียวกัน ทางองค์กรครูได้จัดตั้งชมรมพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาขึ้นมา เพื่อป้องปรามมิให้ผู้มีอำนาจในการบริหารงานบุคคลใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยช่วยสอดส่องดูแลให้ข้อมูลแก่ผู้บังคับบัญชาและผู้มีอำนาจหน้าที่ที่สูงขึ้นได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อป้องปรามและป้องกันที่เสนอดังกล่าวเหล่านี้ น่าจะทำให้ภาพเก่าๆ ที่หลายคนรวมทั้งผู้มีอำนาจรัฐบางกลุ่มที่ยังมีความกังวล คงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยาก และที่สำคัญ ผอ.สพท.ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นน้ำใหม่ที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งในระหว่างที่  กศจ.มีอำนาจการบริหารงานบุคคล ย่อมทราบดีถึงความโปร่งใสและธรรมาภิบาลที่  กศจ.ส่วนใหญ่ได้สร้างบรรทัดฐานไว้

"ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย จึงมั่นใจว่า ไม่มี ผอ.สพท.คนใดที่จะยอมเผาบ้านตัวเอง หรือยอมเอาชีวิตราชการมาถูกทำลาย" ประธานชมรม ผอ.สพท.กล่าว

 

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)