มูลนิธิเอเชียฯเผยความเหลื่อมล้ำไอที ปัญหาสำคัญเรียนออนไลน์ แนะใช้ Thailand Learning

 

การศึกษาเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดทุกครั้ง เมื่อถึงเวลาที่ประเทศไทยกำลังพัฒนาเพื่อยกระดับสู่ความมั่นคง เพราะการศึกษาคือรากฐานของทุกสิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังติดปัญหาสำคัญในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้เด็กที่ครอบครัวมีฐานะยากจนต้องหลุดจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจ ถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลอย่างมาก

ดร.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้เราได้เห็นความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีที่ชัดเจนมากขึ้น

โรงเรียนที่มีความพร้อมในด้านเทคโนโลยี ทั้งห้องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตพื้นฐาน จะสามารถตอบสนองการเรียนการสอนออนไลน์ ได้มากกว่าโรงเรียนที่ห่างไกลและขาดความพร้อม เมื่อต้องหยุดเรียนไปหลายเดือน นักเรียนที่ไม่มีเครื่องมือจะส่งผลให้การเรียนหยุดชะงัก แต่อย่างไรก็ตาม โควิด 19 ก็ได้ทำให้นักเรียนรู้ว่า จะต้องกระตือรือร้นหาความรู้ ในรูปแบบการศึกษาตลอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ทางมูลนิธิเอเชียฯจึงได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย จัดทำเว็บพอร์ทัลภายใต้ชื่อ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลการเรียนรู้ทั่วโลกให้กับเด็กไทย ที่มีการจัดระบบให้เข้ากับแต่ละชั้นปี มีหมวดหมู่ที่ชัดเจน เป็น One Stop Service ที่นักเรียนสามารถเข้ามาใช้เวลาเรียนรู้ในวิชาต่างๆ ตามความสนใจ ในลักษณะการศึกษาตามความต้องการของแต่ละบุคคล (on demand)

ภายใต้ปรัชญาการเรียนรู้ที่สามารถเกิดขึ้นด้วยตนเองในทุกสถานที่และตลอดเวลา โดยสิ่งที่มูลนิธิเอเชียคาดหวังให้เกิดขึ้นมากกว่านี้คือ การผลักดันให้คุณครูได้ใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างบทเรียนที่เข้มแข็ง ซึ่งเว็บพอร์ทัลมีตัวอย่างและเกมจากต่างประเทศ เป็นห้อง สมุดขนาดใหญ่ และแหล่งสืบค้นข้อมูลให้กับโรงเรียน โดยตัวเว็บไซต์ได้มีการพัฒนาเนื้อหา และอัพเดทอยู่ตลอดเวลา

นอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว ทางมูลนิธิเอเชียฯยังได้มีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลการวิจัย เรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้พบว่านอกเหนือจากความยากจนแล้ว ยังมีเรื่องการขาดแคลนทรัพยากรที่ยังเป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้การศึกษาขั้นพื้นฐานของเยาวชนไทยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่

"จากการสัมภาษณ์เด็กนักเรียนว่าการเรียนรู้คืออะไร ส่วนใหญ่ให้คำตอบว่าคือการศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ยังได้เห็นถึงความกระตือรือร้น ความเข้าใจ รวมถึงความหวังที่การศึกษาจะทำให้ชีวิตเขาดีและมีโอกาสมากขึ้น"

ดร.รัตนากล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องความเหลื่อมล้ำพบว่า มีความซับซ้อนมากกว่าที่เห็น โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานที่ในแต่ละโรงเรียนมีไม่เท่ากัน ทั้งในด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสัญญาณอินเตอร์เนต ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีคุณภาพไม่ทัดเทียมกัน

โดยในเรื่องนี้ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรจะจับมือพูดคุยกันว่า จะให้ความช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง และที่สำคัญเรื่องการศึกษาควรจะไม่ใช่งานอดิเรก หรือไม่ใช่เทรนด์ที่พูดแล้วเท่ แต่ควรเป็นอาหารหลักของบทสนทนาในทุกกระทรวง

"ทุกคนควรมีส่วนร่วมในความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนการศึกษาไปในทิศทางที่ยั่งยืนและมั่นคงค่ะ" ดร.รัตนา กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นายอเล็กซ์ วิลล์ส เลขานุการโท ฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียฯ ได้กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียได้มีความร่วมมือกับประเทศไทยมายาวนานในหลายด้าน อาทิ การทูต การค้า-การลงทุน การทหาร ฯลฯ

สำหรับด้านการศึกษาได้มีความร่วมมือมาหลายสิบปี ทั้งโครงการให้ทุนการศึกษาและอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลออสเตรเลียให้ความสำคัญอย่างมาก สำหรับโครงการ Thailand Learning เป็นการทำงานมาอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปีแล้ว เป็นสิ่งที่ทางสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียมีความภาคภูมิใจ เพราะได้มีส่วนทำให้คนไทยเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพทางออนไลน์ได้ครับ

ทั้งนี้ นักเรียน ครูอาจารย์ ผู้ปกครอง และผู้สนใจที่ต้องการศึกษาหาความรู้ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ หรือแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถคลิกไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)