ชาวตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ ปลูกทุเรียน50ไร่ปีนี้กำไรเกือบ 8 ล้านเพราะน้ำจากโครงการทำนบดินบ้านไทรนอง2อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

“...ต้องมีน้ำบริโภค  น้ำใช้  น้ำเพื่อการเพาะปลูก  เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น  ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้  ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้  แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้...

                                  พระราชดำรัสเมื่อวันที่  17 มีนาคม  2529

                                         ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ไม่ต้องไปซื้อน้ำ หรือ เจาะบ่อบาดาล ได้ประโยชน์เยอะชาวบ้านมีน้ำใช้พอเพียง มีทางสัญจรไม่ต้องลงหุบเหวที่ชันเหมือนเช่นเมื่อก่อน หลังจากที่พระองค์ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็มีแหล่งเก็บน้ำ มีทางเข้าออกสะดวกสบายดีกว่าเมื่อก่อนนายไกรสิทธิ  กาญจนโกศล ราษฎรบ้านไทรนองหมู่ที่ 15 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี บอกกับผู้ที่เดินทางเข้าชมสวนทุเรียนที่กำลังให้ผลผลิตอย่างสมบูรณ์  ในช่วงที่ผ่านมา  พร้อมเล่าเพิ่มเติมให้ฟังว่า มีพื้นที่ 50 ไร่ ปลูกทุเรียนหมอนทอง 1,200 ต้น ในปี 2565 มีค่าใช้จ่ายดูแลสวนตลอดทั้งปีประมาณ 1 ล้านบาท เป็นค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าคนงาน ได้ผลผลิต 85 ตัน ขายได้ราคา 140 - 150 บาทต่อกิโลกรัม แต่ในช่วงปลายฤดูราคาอยู่ที่ 90 - 100 บาทต่อกิโลกรัม ที่ผ่านมารวมขายได้ 8.5 ล้านบาท มีกำไร 7.5 ล้านบาท  โดยทางล้งที่รับซื้อเพื่อส่งออกจะส่งทีมงานมาตัดทุเรียนถึงสวน

            

      “ความสมบูรณ์ของทุเรียนได้มาจากมีน้ำดี น้ำสมบูรณ์ โดยได้สูบน้ำจากทำนบดินบ้านไทรนอง 2 ขึ้นมาใส่บ่อพัก พร้อมกับใส่ปุ๋ยน้ำลงไปก่อนแล้วปล่อยไปตามระบบสปริงเกลอร์ทั่วทั้งสวน ทำให้ต้นทุเรียนได้น้ำและปุ๋ยที่เพียงพอ ขณะที่ต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องสูบน้ำจากบ่อน้ำบาดาลต้องเสียค่าไฟฟ้า และให้ปุ๋ยโดยใช้ระบบฉีดพ่น ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างคนงานเพิ่ม หลังจากมีทำนบดินทำให้ลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ทั้งหมด ขณะที่สันทำนบ ชาวบ้านได้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรขนส่งทุเรียนออกไปจำหน่ายสู่ตลาดได้ ทำให้สะดวกสบายขึ้นไม่ต้องขึ้นเนินชันเหมือนเมื่อก่อน ตั้งแต่มีโครงการฯ นี้ ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์หลายทาง นายไกรสิทธิ  กาญจนโกศล  กล่าว

ทางด้านนายวีระ จันทวังโส ผู้ใหญ่บ้านไทรนอง หมู่ที่ 15 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ เผยว่าในพื้นที่ราษฎรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำสวนผลไม้ ที่ผ่านมาประสบปัญหาความแห้งแล้ง น้ำไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชที่ปลูก น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาจะลงข้างล่างหมดอย่างรวดเร็ว จึงต้องการพื้นที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ในพื้นที่

 

มีการหารือร่วมกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี ทุกคนเห็นด้วยว่าให้ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ และทุกคนก็ปลื้มปีติเมื่อพระองค์ท่านรัชกาลที่ 10 ทรงรับโครงการทำนบดินไทรนอง 2 ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  โครงการฯ นี้จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ ชุมชนมีแหล่งน้ำต้นทุนทำการเกษตรเพียงพอ ทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงเมตตากรุณาเห็นความเดือดร้อนของราษฎรนายวีระ จันทวังโส กล่าว

ในส่วนกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวุฒิชัย นรสิงห์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจันทบุรี กล่าวว่าโครงการทำนบดินบ้านไทรนอง 2 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปัจจุบันดำเนินการสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2561 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำหรับตัวโครงสร้างหลักทำนบดินบ้านไทรนอง 2 ฯ ตรงนี้เอง เป็นลักษณะที่ก่อสร้างเป็นทำนบดินปิดกั้นลำน้ำเดิม เป็นร่องน้ำเดิมที่เราเห็นอยู่ด้านหลังตรงนี้ ก็คือน้ำมาจากเขาสุกิมก็ไหลผ่านตรงร่องน้ำตรงนี้ ตรงนี้เดิมเป็นร่องน้ำก็น่าจะลึก ประมาณ 6-8 เมตร ในช่วงแล้ง ฤดูน้ำหลาก น้ำจะหลากเร็วมากเพราะเป็นพื้นที่ลาดชัน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ตรงนี้เองทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15  นายวีระ จันทวังโส ได้ขอพระราชทานความช่วยเหลือสร้างทำนบดินเก็บน้ำแห่งนี้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับเป็นโครงการพระราชดำริเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560  ระดับโครงการจะเป็นทำนบดินกว้าง 6 เมตรยาว 100 เมตรความจุที่หลังจากการก่อสร้างอยู่ที่ 54,000 ลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่ประมาณ 120 ไร่  ครัวเรือนก็อยู่ที่ 185 ครัวเรือน ระดับน้ำเต็มพิกัด เราดูที่อาคารระบายน้ำล้นสปริงเวย์  ตอนนี้อยู่ที่ระดับเก็บกักน้ำสูงสุด

“ได้ผลประโยชน์ในเรื่องของอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะสวนผลไม้ก็คือทุเรียน จากเดิมที่วางโครงการไว้จะไม่เกิน 100 ไร่  ปัจจุบันขยายถึง 120 ไร่ และตอนนี้กำลังปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตจากปลูกพืชชนิดอื่นก็มาปลูกทุเรียนแทนเกือบทั้งหมด แต่ก่อนจะแห้งแล้งมาก ปัจจุบันหลังจากที่ทำนบดินบ้านไทรนอง 2 ฯแล้วเสร็จจะเห็นได้ว่าสภาพป่าสภาพพื้นที่มีเป็นสีเขียวทั้งหมด เพราะว่าแต่ก่อนขุดน้ำก็แทบจะไม่มีแห้งแล้งอย่างมาก” นายวุฒิชัย นรสิงห์ กล่าว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับโครงการทำนบดินบ้านไทรนอง 2 อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ตามที่ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือเนื่องจากขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร กรมชลประทาน ได้ดำเนินการก่อสร้างฯ แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2561 ส่งผลให้สามารถเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำในพื้นที่ได้ประมาณ 54,000 ลูกบาศก์เมตร เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกไม้ผล เช่นทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง มีผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งมีน้ำสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้เพิ่มขึ้นประมาณ 55 ไร่

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วย พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่โครงการฯ เพื่อเยี่ยมและติดตามการใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กล่าวว่า โครงการฯ ตั้งอยู่เชิงเขาสุกิมเป็นแหล่งความชุ่มชื้นมีต้นไม้มาก เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำก่อนคายออกสู่พื้นที่ด้านล่างในหน้าแล้ง และราษฎรได้ฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่มีที่เก็บกักน้ำในพื้นที่ ขณะเดียวกันเจ้าของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ได้มอบที่ดินให้ทางการจัดทำโครงการฯ และได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 ที่ผ่านมา

ผมมาที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ก็ยินดีที่ประชาชนได้ประโยชน์ จะเห็นว่าตอนนี้เริ่มต้นฤดูฝนน้ำเต็มหน้าทำนบจนถึงขอบทางระบายน้ำล้น เมื่อถึงช่วงหน้าแล้งน้ำที่เก็บไว้นี้ก็จะเพียงพอกับความต้องการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง ขอฝากให้ช่วยกันดูแลรักษาทำนบดินบ้านไทรนอง 2 อันเนื่องมาจากพระราชดำริแห่งนี้  เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และขอให้กรมชลประทานพิจารณาการก่อสร้างฝายเพิ่มขึ้น รวมถึงก่อสร้างแท็งก์น้ำในชุมชนเพื่อเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำ ช่วยให้ชุมชนบ้านไทรนองและพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากการใช้น้ำเช่นเดียวกัน  องคมนตรีกล่าว

......................................................

สกู๊ปพิเศษ/เสกสรร  สิทธาคม

สำนักงานกปร.ข้อมูล-ภาพ