แกนนำครูวิงวอน ธ.ออมสินลดดอกเบี้ยเหลือ 2.70 แก้หนี้สินครูฯแบบวิน-วิน

แกนนำครูวอน ธ.ออมสินลดดอกเบี้ยเหลือ 2.70

ช่วยแก้หนี้สินครูฯแบบวิน-วิน

ชี้ไม่ต้องไล่ฟ้องคดีครูฯลูกหนี้กว่า 2.5 หมื่นคน 

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (ผอ.สกสค.) จังหวัดชัยภูมิ และอดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.ชัยภูมิ เปิดเผยเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com กรณีทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ., นายนพคุณ รัฐผไท ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร และนายตวง อันทะไชย ประธาน กมธ.การศึกษา วุฒิสภา

ร้องขอให้ตรวจสอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการล่าสุดในโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” ที่ได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน และสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ปล่อยเงินกู้สมาชิกครูฯโดยอ้างเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเกรงว่าอาจส่อซ้ำเติมปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษาให้หนักยิ่งขึ้นหรือไม่? นั้น

โดยนายสานิตย์กล่าวว่า จากกรณีที่ธนาคารออมสินจะมาร่วมสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจำนวนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยคิดดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษเพียงร้อยละ 2.70 เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนำไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิกครูฯอีกทอดหนึ่ง แต่สหกรณ์ฯมีค่าดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายสหกรณ์กำกับไว้ จึงต้องมาบวกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกทอดอย่างน้อย 2% หรือสหกรณ์ฯต้องคิดดอกเบี้ยกับสมาชิกครูฯที่มากู้ในอัตราประมาณอย่างน้อยร้อยละ 4.70

ซึ่งอัตราดอกเบี้ยไม่ได้แตกต่างจากที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ธนาคารออมสินเก็บจากลูกหนี้ครูฯ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.4 เท่านั้น เท่ากับว่าครูฯลูกหนี้ยิ่งเสียประโยชน์หรือไม่? ไม่ได้เป็นแนวทางที่ช่วยเหลือลดทอนปัญหาหนี้สินครูฯได้อย่างแท้จริงหรือไม่?

นายสานิตย์กล่าวต่อว่า ตรงกันข้ามถ้าธนาคารออมสินจริงใจที่จะช่วยเหลือครูฯ ซึ่งเป็นพ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ของชาติ ที่ธนาคารออมสินได้ประโยชน์จากการเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จากครูฯลูกหนี้มาเป็นเวลานานร่วม 10 ปีแล้ว ก็ขอวิงวอนให้ลดดอกเบี้ยให้กับครูฯลูกหนี้โดยตรงเหลือร้อยละ 2.70 โดยไม่ต้องไปปล่อยสินเชื่อผ่านสหกรณ์ฯให้มาคิดดอกเบี้ยกับครูฯเพิ่มขึ้นอีกทอดหนึ่ง

ถ้าธนาคารออมสินยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวลงทันทีให้กับทุกสัญญาที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นลูกหนี้กับธนาคาร ผลดีก็จะตกที่ธนาคารออมสินด้วย ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้นแบบวิน-วิน เพราะครูฯที่เป็นลูกหนี้ธนาคารออมสินก็จะสามารถส่งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยได้เต็ม 100% แทบจะไม่มีครูฯที่ยังเดือดร้อนส่งชำระจนธนาคารออมสินต้องมาชะลอดำเนินคดีกับครูฯลูกหนี้กว่า 25,000 คน ณ ปัจจุบันนี้ ตามที่ น.ส.ตรีนุช รมว.ศธ.ระบุ

"นอกจากนี้ เมื่อธนาคารออมสินได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง ก็ให้แจ้งครูฯผู้กู้เงินทุกสัญญามาดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารออมสินตามความสมัครใจ ปัญหาหนี้สินครูฯก็จะสามารถแก้ไขได้ในทันที ครูฯก็จะได้มองเห็นอนาคตที่ตัวเองจะปลดหนี้สินได้ จากที่ผ่านมาส่งชำระได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น ครูฯหลายแสนคนจึงเดือดร้อน และแน่นอนว่าย่อมจะกระทบกับประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนแก่เด็กและเยาวชนอนาคตของชาตให้เป็นคนเก่งและคนดีของสังคม" นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ กล่าว

อนึ่ง ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam.com รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 สื่อมวลชนประจำกระทรวงศึกษาธิการ ศธ. ได้เผยแพร่ข่าว นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ใจความว่า

"เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตน และนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ในขณะนั้น) ได้หารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหารของธนาคาร

โดยทางธนาคารออมสินพร้อมให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางศึกษาอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับครูมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.4 เท่านั้น มีครูได้รับประโยชน์รวมเกือบ 3 แสนบัญชี

ขณะเดียวกัน ได้อนุมัติสินเชื่อพิเศษให้กับครู โดยสามารถนำเงินบำเหน็จตกทอดมาค้ำประกันการกู้ยืม ซึ่งสามารถกู้ได้ 100% ของเงินบำเหน็จตกทอด คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ใน 10 ปีแรก มีระยะเวลากู้ถึง 30 ปี แต่มีเงื่อนไขให้นำเงินกู้ก้อนใหม่ไปชำระสินเชื่ออื่นๆ ที่มีดอกเบี้ยสูง

นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังสนับสนุนเงินกู้พิเศษดอกเบี้ยต่ำให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู โดยเฉพาะสหกรณ์ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และสหกรณ์ที่ทำการรีไฟแนนซ์ หรือปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิกครูที่เข้าร่วมโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” โดยให้กู้ในวงเงินถึง 2 เท่าของยอดเงินที่มีการปรับโครงสร้าง คิดอัตราดอกเบี้ยขั้นบันได้ต่ำสุดเพียงร้อยละ 2.2 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท

ธนาคารออมสินยังได้ชะลอการดำเนินคดีกับครูฯลูกหนี้จำนวนกว่า 25,000 คน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ รวมถึงปรับลดค่าธรรมเนียมประกันและการค้ำประกันของบุคคลที่ไม่จำเป็น ปรับลดจำนวนผู้ค้ำประกันเงินกู้โครงการสวัสดิการสมาชิก ช.พ.ค.กรณีผู้กู้ไม่ทำประกันเงินกู้ที่คงเหลือ และเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาจำนวนผู้ค้ำประกันจากวงเงินกู้เป็นเงินต้นคงเหลือ รวมถึงมาตรการผ่อนปรนอื่นๆ ทั้งที่เป็นลูกหนี้ชั้นดีและลูกหนี้ NPL เช่น พักชำระเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยบางส่วน" รมว.ศธ.กล่าว

นายสุทธิชัย ที่ปรึกษา รมว.ศธ. (ในขณะนั้น) กล่าวเสริมว่า ธนาคารออมสินได้มีข้อตกลงร่วมกับชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งประเทศไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด ในการสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อนำไปปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย” โดยให้วงเงินกู้ 3,000 ล้านบาท สัญญาละไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และมีเงื่อนไขว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้องนำเงินกู้ไปให้สมาชิกกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยคิดดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 4 ต่อปี มีระยะเวลาชำระหนี้ 10 ปี

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินอีก 30,000 ล้านบาท สัญญาละไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.7 ระยะเวลาการชำระหนี้ 10 ปี"

รายการ EduGuide 4.0 หนึ่งในแขนงงานสื่อค่าย สำนักข่าวการศึกษา EdunewsSiam.com พาไปชมสกู๊ปวิดีโอ! ความสำเร็จของ “สกสค.-สหกรณ์ออมทรัพย์” 3 จว. จับมือแก้ปัญหาหนี้สินครูฯ คลิกชมลิ้งค์ https://www.edunewssiam.com/th/articles/262445

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)