จะเลือกนโยบายทางการศึกษา ของ พรรคการเมืองพรรคใดดี ตอนที่ 2

 

 

จะเลือกนโยบายทางการศึกษา พรรคการเมืองพรรคใดดี (ตอนที่ 2)

 

ดร.ดิเรก พรสีมา : คณบดี วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

 

มาถึงวันนี้ หลายคนคงทราบกันแล้วหละว่า การเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยคงจะเกิดขึ้น ๑๔ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ นี้ ยังไม่มีพรรคการเมืองพรรคใด ออกมาประกาศว่า พรรคของตนจะทำอะไร หรือ จะเลือกไม่ทำอะไรให้เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นในเรื่องการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ หรือการศึกษาตลอดชีวิต หรือจะทำอะไรให้สำเร็จ ที่สามารถสัมผัสได้ แตะต้องได้ในอีก ๔ ปี ข้างหน้า   

 

หรืออย่างน้อยยังมองไม่เห็นว่า พรรคการเมืองใหญ่ ๆ ทั้งหลายจะเสนอเสนอนโยบายการศึกษาของตนเองอย่างไร หรือ นำเสนอกลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์ ที่จะใช้เพื่อให้การทำงานด้านการศึกษาสำเร็จให้ชาวการศึกษาได้วิเคราะห์ พิจารณา ว่ากลยุทธ์เหล่านั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ เพ้อฝันหรือไม่ จะทำให้สำเร็จได้จริงหรือไม่ ซึ่งชาวการศึกษาและผู้ปกครองจำนวนมาก คงคอยเงี่ยหูฟังอยู่

 

...ในบทความนี้ ผู้เขียนมุ่งนำเสนอนโยบายการศึกษาและทางออกการศึกษาไทยเพื่อสร้างคุณภาพ แก่พรรคการเมือง ให้ตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ในความสนใจ ของ ครูบุคลากรทางการศึกษา และ ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของเงินภาษีประเทศ ต้องการให้นำไปทำ เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการศึกษา ไปสู่เด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพ...

 

นโยบาย (policy) หรือ นโยบายการศึกษา : กลยุทธ์ที่รัฐบาลเลือกทำในสิ่งที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

นโยบายเพื่อสร้างโอกาส หรือขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (Access) เพื่อให้ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพทัดเทียมกัน รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อสร้างความเท่าเทียมและขจัดความเหลี่ยมล้ำทางการศึกษาดังต่อไปนี้ ...

 

คลิ๊กอ่าน ดร.ดิเรก พรสีมา : จะเลือกนโยบายทางการศึกษา พรรคการเมืองพรรคใดดี ตอน ๑.  https://edunewssiam.com/th/articles/282651

 

๑) สร้างโรงเรียน ๕ ดาว (โรงเรียน ***** แนวคิดคล้ายๆกับโรงแรม*****) รัฐบาลใหม่ควรสร้างโรงเรียน***** (ห้าดาว) ขึ้นเยอะ ๆ เป็นโรงเรียนที่ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองเข้าไปสัมผัสไปใช้บริการแล้วเกิดความประทับใจเหมือนกับแขกที่ไปพักที่โรงแรมห้าดาว ***** ให้ผู้ปกครอง และนักเรียนมองเห้นความแตกต่างระหว่างโรงเรียน***** และโรงเรียน **** หรือโรงเรียน*** หรือโรงเรียน ** รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้มีโรงเรียน ** หรือ โรงเรียน *** เหลืออยู่ในประเทศไทย 

 

โรงเรียน ๕ ดาว ต้องเป็นโรงเรียนที่เมื่อนักเรียน ผู้ปกครองข้าไปสัมผัสแล้วต้อง “ว้าว” เลยครับต้องมีสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางอารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญาที่เอื้อต่อการพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญาของผู้เรียนได้อย่างดีครับ เข้าไปแล้วเห็นความแตกต่าง 

 

จะมีโรงเรียน ***** หรือโรงเรียน **** ได้ ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากรทางการศึกษา ก็ต้องเป็นครูเหรียญทอง หรืออย่างน้อยต้องเป็นครูเหรีญเงินด้วย คล้าย ๆ กับนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก ต้องหาทางพัฒนา หรือยกระดับครูเหรียญทองแดงให้เป็นครูเหรียญเงิน และพัฒนาครูเหรีญเงินให้เป็นครูเหรียญทอง แน่นอนต้องมีมาตรการจูงใจในการทำให้ครูอยากเป็นครูเหรียญทองด้วย

 

ในระยะเริ่มแรก เขตพื้นที่การศึกษาอาจหารือกับอำเภอ จะเลือกพัฒนาโรงเรียนใดเป็นโรงเรียยน ๕ ดาว แล้วจึงเริ่มพัฒนาอาคารสถานที่ ห้องปฏิบัติการด้านต่างๆ หาครูที่คุณภาพสูงๆ ดี เก่ง รักวิชาชีพครูให้ไปประจำที่โรงเรียน ๕ ดาว ให้โรงเรียน ๕ ดาว มีครูระดับเหรียญทองในทุกวิชาหลัก

 

       ออกมติ ค.ร.ม. ให้ครูเหรียญทองของโรงเรียน ๕ ดาวได้รับการประ           เมินเลื่อนนเงินเดือนสูงขึ้น ๑ ขั้น ในทุกรอบของการประเมินเพื่อเลื่อน         เงินเดือน

 

๒) ต้องสร้างครูเหรียญทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนเหรียญทอง บุคลากรทางการศึกษาเหรียญทอง (แนวคิดคล้ายๆกับการคัดเลือกนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก)

 

การคัดเลือกครูเหรียญทองแต่ละสาขาให้ถามความเห็นของนักเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนด้วยว่าครูในโรงเรียนนี้ที่ควรได้รับเลือกเป็นครูเหรียญทองคณิตศาสตร์ของโรงเรียนปีนี้ควรเป็นใคร ให้ผู้บริหารและเพื่อนครูในโรงเรียนร่วมตัดสินด้วย และให้ผู้บริหารโรงเรียนในอำเภอ ศึกษานิเทศก์ ครูคณิตศาสตร์ในอำเภอร่วมตัดสินว่าใครควรจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นครูเหรียญทองคณิตศาสตร์ ของอำเภอเราในปีนี้ ถ้ามีครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ครูเหรียญทองรุ่นพี่ หรือครูรางวัลดีเด่นอื่นๆในพื้นที่ก็ให้เข้ามาร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกด้วย ไม่ใช่กรรมการอ่านผลงานเหมือนอย่างที่ทำกันในปัจจุบัน

 

       ต้องสร้างครูของโรงเรียนให้เป็นครูเหรียญทอง หรือ คัดเลือกครูเหรียญทองไปทำงานที่โรงเรียน ๕ ดาว

       ครูเหรียญทองในสาขาวิชาอื่น ๆ ก็ดำเนินการคล้าย ๆ กัน

       ครูเหรียญทองคณิตศาสตร์ ที่สร้างครูเหรียญทองคณิตศาสตร์ได้ครบ ๕ คนก็ให้เลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้นหนึ่งระดับ

 

โรงเรียน ***** จึงต้องเป็นโรงเรียนที่มีอาคารสถานที่เรียนที่สะดวกสบาย ไม่ร้อน อบอ้าว มีห้องปฏิบัติการดนตรี นาฏศิลป์ มีเวทีเพื่อการแสดง มีห้องปฏิบัติการคหกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการ STEM Education and Coding ห้อง ตัดต่อ clip ห้องตัดต่อภาพยนตร์โฆษณา มี wood workshops, plastic workshop, metal workshop ห้องแนะแนว สนามกีฬา โรงยิม และแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ที่มีความพร้อมสูง

 

๓) นักเรียนภายใต้รัฐบาลใหม่จะเรียนรู้จาก tablet นักเรียนจะเลิกใช้ สมุด/หนังสือ แต่จะใช้ tablets แทน จะจดบันทึก ส่งงาน /การบ้านผ่าน tablet และคุณครูก็จะตรวจการบ้าน ให้ความเห็นสะท้อนกลับ (feedbacks) แก่นักเรียนผ่าน tablet รวมทั้งรายงานผลการเรียนให้นักเรียนแต่ละคน หรือผู้บริหารทราบผ่านทาง tablets

 

นักเรียนภายใต้รัฐบาลใหม่จึงคุ้นเคยกับ tablets and digital learning tools และใช้ Tablets ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ใช้ tablet ในการสมมุติ( simulation)การปลูกผัก เลี่ยงสัตว์ ทำกับข้าว ออกแบบเครื่องแต่งกาย จัดขายขของออนไลน์ ชมแหล่งสำคัญของประวัติศาสตร์ ที่คุมขัง ที่พักผู้ติดยาเสพติด เอดส์ บุหรี่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ พิพิธภัณฑ์ทางศาสนา ศิลป ดนตรี การแสดง และอื่นๆ 

 

๕) จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการจัดหาวัสดุเพื่อใช้ในการเรียนการสอน ในห้องปฏิบัติต่างๆให้เพียงพอ

 

๖) สร้างสิ่งจูงใจให้ครู และ ผู้อำนวยการโนรงเรียนห้าดาวอยู่ทำงานในโรงเรียนในพื้นที่ด้อยโอกาส ห่างใกล

 

๗) ตั้งทุนโอกาสทางการศึกษา (access scholarship) ให้หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นทุนเพื่อมอบให้เยาวชนที่เรียนดี ประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรมดีได้เรียนต่อในสาขาที่ตนสนใจและถนัดจนสำเร็จการศึกษา โดยทุนดังกล่าวให้เพียงพอและครอบคลุมค่าใช้จ่ายอาหาร เสื้อผ้า ที่พักค่าเดินทางระหว่างเรียน ถ้าเป็นระดับอำเภอให้เป็นทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรี โท หรือเอกด้วย

 

นโยบายเพื่อสร้างคุณภาพทางการศึกษา (Quality)

 

คุณภาพทางการศึกษาของผู้เรียนในระบบขึ้นอยู่กับคุณภาพครูและคุณภาพผู้บริหารโรงเรียน รับบาลจึงต้องทำให้ครูและผู้บริหารดรงเรียนมีคุณภาพสูง ๆ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพ มีสมรระถนนะ และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อสร้างคนไทยไห้มีคุณภาพ มีความรู้ สมรรถนะ เป็นนวัตกร มีคุณธรรมที่พึงประสงค์ดังต่อไปนี้

 

๑) กำหนดภาระงานของครูให้ชัดเจน ให้ครูทำหน้าที่หลักในการพัฒนาผู้เรียน เช่นการเรียนการสอน การสอนซ่อมเสริม การตรวจงานและการให้คำแนะนำสะท้อนกลับเป็นรายบุคคล (feedbacks) และการให้คำแนะนำปรึกษาในส่วนที่นักเรียนยังอ่อนด้อย งานเตรียมการสอน การพัฒนาตนเองให้มีความรู้ทันสมัยเสมอ

 

 ๒) ต้องคัดเลือกคนดี คนเก่งมาเรียนครู และต้องผลิตครูตามจำนวนและคุณภาพที่โรงเรียนต้องการใช้ คล้ายๆกับสิ่งที่ฟินแลนด์ สิงคโปร์ และสาธารณรัฐเกาหลีทำ

 

 ๓) ให้สถาบันผลิตครูทุกแห่งต้องมีโรงเรียนร่วมผลิตครู โรงเรียนร่วมผลิตครูต้องเป็นโรงเรียน ๕ ดาว และอาจารย์ของสถาบบันผลิตครูต้องลงไปร่วมวิจัยที่โรงเรียนร่วมผลิตครู สถาบบันผลิตครูต้องทำให้นักศึกษาครูได้ทักษะเทียบได้กับทักษะและสมรรถนะของครูเหรียญทอง

 

๔) ต้องเลือก ผอ.ที่มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงสูงให้โรงเรียน ๕ ดาว ให้จูงใจให้ครูเหรียญทองทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ ทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพ มีสมรรถนนะ และทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นนวัตกร มีคุณธรรมที่พึงประสงค์

 

๕) ต้องอบรมว่าที่ ผอ.สถานศึกษาแบบเข้ม ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ว่าที่ ผอ.ต้องผ่านการฝึกงานกับ ผอ. เหรียญทองเป็นเวลายาวนานพอสมควรก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง  ผอ.เหรียญทองที่บ่มเพาะว่าที่ ผอ.เหรียญทองได้สำเร็จตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไปให้ได้รับวิทยฐานะสูงขึ้น ๑ ระดับ

 

๖) ต้องติดตามและรายงานการพัฒนาการของผู้เรียนและการเรียนการสอนของครูและประมวลผลผ่านทาง Tablets เป็นระยะ

 

๗) ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

 

๘) ต้องจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เพียงพอ

 

๙) ต้องจูงใจให้ครูแลละผู้บริหารสถานศึกษาทำงานให้ประสบความสำเร็จสูงขึ้นโดยใช้สิ่งจูงใจภายนอกประกอบ เช่นการเลื่อนเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง เข็มเชิดชูเกียรติ การให้ไปร่วมประชุมใน international conferences เป็นต้น

 

๑๐) ให้สถานบันผลิตครูและนักศึกษาครูพัฒนาครูให้สามารถใช้ Tablets ในการพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเชี่ยวชาญ

 

๑๑) ให้สถาบันผลิตครูในพื้นที่ ร่วมรับผิดรับชอบ (accountable) ต่อคุณภาพสถานศึกษา คุณภาพครูและคุณภาพผู้เรียนผ่านการวิจัยเพื่อพัฒนาโรงเรียน (Research & Development = R&D)ในพื้นที่ที่สถาบันผลิตครูรับผิดชอบ

      

นโยบายเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการศึกษา (Management Efficiency) เพื่อทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพดังต่อไปนี้

 

๑) กระจายอำนาจการตัดสินใจในการบริหารจัดการทั้งการบริหารการเรียนการสอนไปสู่ผู้ปฏิบัติ ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษามีอำนาจการตัดสินใจในการบริหารงานบุคคล วิชาการ งบประมาณ และการบริหารทั่วไปอย่างแท้จริง

 

๒) ต้องลดขั้นตอนการบริหาร( hierarchy) การตัดสินใจให้เหลือน้อยที่สุด ต้องบริหารให้เร็ว ตัดสินใจให้เร็ว นำ Tablet เข้ามาใช้ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล

 

๓) ในระดับสถานศึกษา ให้ครูมีอำนาจตัดสินใจเกียวกับการจัดการเรียนการสอน และให้ครูต้องรับผิดร้บชอบ ต้องรับผิดเมื่อผู้เรียนพัฒนาผู้เรียนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และได้รับความชอบ รางวัลเมื่อการพัฒนาเป็นไปตามเกณฑ์ คือรับผิดรับชอบ(accountable) ต่อผลลัพธ์แท้จริงที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนด้วยตัวครู

 

 ๔) โรงเรียน ๕ ดาว ต้องบริหารโดยยึดหลักธรรมาภิบาล ต้องรายงงานผลลการตัดสินใจแต่ละเรื่องผ่าน Tablets ให้ผู้มีผลประโยชน์ได้เสียกับโรงเรียน ๕ ดาว ติดตาม ตรวจสอบความก้าวหน้าในการดำเนินงานของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

 

พรรคการเมืองพรรคใดจะทำเรื่องเหล่านี้บ้าง เลือกพรรคนั้นแหละครับ ส่วนการท่จะตอบคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้นโยบายบังเกิดผลลัพธ์ ต้องนำข้อมูลจริงในแต่ละเรื่องมาวิเคราะห์ และจัดทำแผนปฏิบัติการกันครับ เราทำให้สำเร็จได้ครับ

 

แต่ต้องไม่อนุญาตให้มีการทุจริตนะครับ.

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage