เลขาธนุ สั่งสอจ.ทุกพื้นที่ทำทันทีช่วยเหลือนศ. ที่หลุดจากระบบเข้าเรียน จบแล้วมีงานทำแน่นอน

เลขาธนุ สั่งสอจ.ทุกพื้นที่ทำทันทีช่วยเหลือนศ.

ที่หลุดจากระบบเข้าเรียน จบแล้วมีงานทำแน่นอน      

 

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา  เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการกอศ.) เปิดเผยว่า จากนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ในการแก้ไขปัญหานักเรียน นักศึกษาออกกลางคัน หรือหลุดจากระบบการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มอบนโยบายเป็นการเร่งด่วนให้สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) ติดตาม ดูแล ขับเคลื่อนแบบเข้มข้น เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาที่ออกกลางคัน กลับเข้าสู่ระบบ หลังจากได้รับรายงานจำนวนของเด็กออกลางคันในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 18,817 คน โดย สอศ. ไม่นิ่งนอนใจได้ดำเนินการ สั่งสอจ. และสถานศึกษาทั่วประเทศ กำชับ ติดตาม และรายงานผลการออกกลางคันของนักเรียน นักศึกษา ต่อ สอศ. โดยได้วางแนวทางดึงกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ออกกลางคันไปแล้วกลับเข้าศึกษาต่อ โดยกำหนด เช่น การจัดทำรายการและติดตามแก้ปัญหาของผู้เรียนรายบุคคลให้ชัดเจน แบ่งกลุ่มผู้เรียนที่นอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐาน ดำเนินการวิเคราะห์ หาข้อสรุป พร้อมสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่าจากการสำรวจพบว่า สาเหตุที่นักเรียน นักศึกษาออกกลางคัน มีปัจจัยต่างๆ เช่น ครอบครัวมีฐานะยากจน ปัญหาครอบครัว สมรสแล้ว เจ็บป่วยและการเกิดอุบัติเหตุ ย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นต้น  ทั้งนี้ สอศ. พร้อมให้การช่วยเหลือทั้งการเทียบโอนวิชาที่เรียนมาเพื่อเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา การส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาได้หารายได้ระหว่างเรียน การจัดหาทุนการศึกษา โดยร่วมกับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เช่น กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) การพิจารณาเด็กได้ย้ายไปเรียนในสาขาที่เด็กที่ต้องการ และปรับการเรียนการสอนและตารางเรียนให้เหมาะสมทันกับสถานการณ์ พร้อมทั้งดูแลด้านจิตใจ โดยจัดให้มีครูแนะแนวจิตวิทยาในสถานศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีศักยภาพ เกิดทักษะอาชีพ ส่งต่อให้ผู้เรียนอาชีวะทุกคนมีสมรรถนะในการประกอบอาชีพในอนาคต ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ โดย สอศ. จะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อนำเด็กที่ออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเพื่อสร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม

 

(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)