ตะลึง เด็กไร้สัญชาติ อีกกว่า 8 หมื่น" เรียนในไทย ที่พบแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

 

 

ตะลึง ! เด็กไร้สัญชาติ อีกกว่า 8 หมื่น"

เรียนในไทย ที่พบแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

 

NGO ชี้เด็กกลุ่ม G ที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่เรียนในไทยตาม ร.ร.ต่าง ๆ มีอีกกว่า 80,000 คน เสี่ยงที่จะถูกชักนำในทางผิด ๆ ย้อนกลับไทย วอนผู้นำคุ้มครองสิทธิเด็กอย่างสร้างสรรค์และก้าวข้ามข้อจำกัดทางกฎหมาย สุรเชษฐ์ หักพาล เร่งหารือ ศธ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

กรณีเด็กนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่เรียนในไทย ไม่มีหลักฐานการอยู่ในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 126 คน จำเป็นต้องออกจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 6 อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้ถูกส่งกลับภูมิลำเนาในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้วจำนวน 59 ราย



ส่วนที่เหลืออยู่อีก 67 ราย ทางการไทยได้กระจายให้ไปพักอยู่ตามบ้านพักเด็กทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 5 แห่ง และประสานพ่อแม่ผู้ปกครองในฝั่งเมียนมาให้มารับกลับแต่ยังไม่ได้

 



ล่าสุุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) ได้ประชุมหารือกับ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ฯลฯ ลงความเห็นว่า...



...ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หาผู้ดูแลเด็ก รวมถึงการจัดหาสถานที่ให้การศึกษาหรือโรงเรียนแก่เด็กๆ ทั้งที่กลับภูมิลำเนาไปแล้วและอยากกลับมาเรียนและที่ยังไม่ได้กลับอีกด้วย ขณะที่ตัวแทนสถานเอกอัคราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แจ้งว่ามีกองทุุนที่จะสนับสนุนองค์กรที่จะให้การช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ด้วย ซึ่งรอง ผบ.ตร.ได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ได้ประสานงานเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.นี้

 

photos from สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น 

 

นางเตือนใจ ดีเทศน์ นักพัฒนาสังคม ชื่อดังกล่าวว่า เป็นภาพที่ดีมากที่ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวง พม. กระทรวงศึกษาฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาครัฐและองค์กรเอกชน เข้ามาช่วยในครั้งนี้ ทำให้เด็กได้รับความคุ้มครองและมีสิทธิทางการศึกษาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ โดยมีการประสานกับทางการเมียนมา กรณีเด็กที่กลับไปแล้วสามารถทำเรื่องกลับมาศึกษาในประเทศไทยได้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่กลับก็มีความพยายามติดต่อกับผู้ปกครอง เพื่อให้เข้าเรียนในโรงเรียนที่เหมาะสมตามแนวชายแดน

 

 



กล่าวอีกว่า เด็กจำนวน 126 คนนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยหรือยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังคงมีเด็กกลุ่ม G คือ เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่เรียนในไทย อยู่อีกกว่า 80,000 คน ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ควรจัดการศึกษาให้เด็กที่อยู่ภาวะเหตุการณ์ไม่สงบ (Emergency Education) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการคุ้มครองสิทธิเด็กอย่างสร้างสรรค์ และ ก้าวข้ามข้อจำกัดทางกฎหมาย เช่น กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดมาก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และอนุสัญญาในการคุ้มครองเด็กต่อไป


นางสาวนุชนารถ บุญคง ผู้จัดการมูลนิธิบ้านครูน้ำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หนึ่งในสถานที่ที่ดูแลเด็กกลุ่มนี้จำนวน 18 คน กล่าวว่า มูลนิธิฯ ให้การช่วยเหลือรับเด็กตามชายขอบที่เร่ร่อน ถูกล่วงละเมิด มีความเสี่ยง ฯลฯ เข้ามาดูแลตั้งแต่ปี 2544 ทำให้ทราบว่าในอดีตปัญหานี้มีน้อย

 

แต่หลังมีเหตุการณ์ความไม่สงบในเมียนมาเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้โรงเรียนเฉพาะใน จ.ท่าขี้เหล็ก อย่างน้อย 5 แห่งถูกปิด เด็กนักเรียนกว่า 3,000 คน ไม่มีที่เรียนจึงทะลักเข้ามายังฝั่งไทย



ลำพังมูลนิธิฯ ก็มีเด็กอยู่ในการดูแลถึง 80 คน และมีอยู่ 30 คนเป็นกลุ่มยอมเสี่ยงข้ามแดนไปมา ทำให้มูลนิธิฯ ได้ตั้งสถานที่แวะหรือ Drop in เพื่อรองรับ มีการสอนหนังสือ ส่งไปเรียนตามโรงเรียนต่างๆ ซึ่งช่วงหลังมักไม่ค่อยรับเพราะปัญหาเรื่องข้อกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง การร่วมกับวัดเพื่อศึกษาธรรมะและได้มีข้าวกินก็พอ" 

 

เพราะไม่เช่นนั้นเด็กเหล่านี้ ที่อยู่ในสภาพสังคมในประเทศเพื่อนบ้านแตกต่างจากประเทศไทย มีความเสี่ยงที่อาจจะถูกชักนำให้ไปทำงานด้านมืดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกำลังมีธุรกิจด้านความบันเทิงและอื่น ๆ เติบโตขึ้น หรือเข้าไปร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ายาเสพติด ทำงานในสถานบันเทิงที่ล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ

 

และจากนั้นปัญหาก็จะวนกลับมาผลกระทบต่อประเทศไทยอีก ดังนั้นการไม่ส่งตัวเด็กกลับไปทันทีและร่วมกันหาวิธีแก้ปัญหาก่อนจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage