สืบนครบาลรวบ สุนทรฟู่” ครูดีเด่น เกียรตินิยม อันดับ 1 ดิ่งสู่ด้านมืด

 

สืบนครบาลรวบ สุนทรฟู่” ครูดีเด่น

เกียรตินิยม อันดับ 1 ดิ่งสู่ด้านมืด

            

เพจสืบนครบาล IDMB ลาดตระเวนออน์ไลน์พบภัยสังคมต่ออาชีพครู นักเรียน นักศึกษา โดยคนร้ายในนาม สุนทรฟู่ หรือครูฟู่ (อดีตครู) อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงกิจกรรมในแวดวงครู ทั้งให้เช่าบ้านพักทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนในต่างจังหวัด เช่าห้องพักในงานรับปริญญา มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

 

โดยครูฟู่ อ้างโปรไฟล์ในอดีตของตนเองว่าเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อได้ง่าย ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สิน แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีก มีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย ความเสียหายกว่าแสนบาท

 

หลังถูกจับกุม ผู้ต้องหาสำนึกผิดยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดสงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย

 

ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) เปิดเผยว่า ต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือน จนได้เบาะแสว่า ปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อน ๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม

 

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัว นายวิวัฒน์ หรือ “ครูฟู่หรือสุนทรฟู่ อายุ 36 ปี ซึ่งก่อเหตุตระเวนหลอกลวงผู้อื่นจนถูกแจ้งความดำเนินคดีมากมาย ตามหมายจับกว่า 4 หมายจับในข้อกล่าวหา “ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

 

สุนทรฟู่หรือ “ครูฟู่” อดีตครูสอนภาษาไทยโรงเรียนชื่อดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ผู้มากความสามารถ จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการสุดรุ่งถึงขั้นได้รับรางวัล “ครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2560 จนได้รับสมยานามว่า “สุนทรฟู่”

 

แต่แล้วเส้นทางชีวิต เริ่มดำดิ่งสู่การเป็น “มิจฉาชีพ” เนื่องจาก “ติดการพนัน” และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ

 

กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ก็ได้ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครูในที่สุด ซึ่งหลังจากพ้นจากหน้าที่แล้ว เดินสาย “หลอกลวง” ในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือ หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

 

โดยล่าสุด ช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. 66 ที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน

 

ครูฟู่เห็นช่องทางดังกล่าว อ้างว่าตนเองมีที่พักให้เช่าเพื่อนให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม โดยครูฟู่อ้างโปรไฟล์ในอดีตของตนเองว่า ว่าตนเองเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อได้ง่าย

 

ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็ก ๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันได้ตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย

 

และล่าสุดดำดิ่งขนาดต้องเดินสายหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วย

 

จากที่ครูฟู่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์ และไม่มีท่าทีจะหยุดการหลอกลวงส่งผลให้กลายเป็น “มิจฉาชีพ” อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน

 

และถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็ก ๆ กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบของครูฟู่รายนี้ ซึ่งตระเวนก่อเหตุมาจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับกว่า 4 หมายจับ โดยมี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 สืบสวนติดตามจับกุมตัว ต้องส่งมือดี แฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือน

 

กระทั่งได้เบาะแสว่า ปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใด ๆ ยังตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม

 

ซึ่งต่อมาวันที่ 13 ก.ค. 66  เจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้ ขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+ สัญชาติลาว ที่ห้องพักเลขที่ 28/58 ถนอมมิตรคอนโด ตึก 11 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ

 

 

ซึ่งในชั้นจับกุม นายวิวัฒน์หรือครูฟู ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตโดยให้การว่า...

 

“ตนเองจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 ตนเองสอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถจึงได้เป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน

 

กระทั่งได้มีเรื่องของวงโยธวาธิต ที่มีการขอยืมเงินจากนักธุรกิจชื่อดังในวงการเครื่องดื่ม ทำให้มีเรื่องราวที่ให้ตนเองได้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในศธ.อีกหน้าที่หนึ่ง และได้มีโอกาสแต่งบทอาศิรวาท จนได้รับรางวัล ครูดีเด่นประจำปี และได้สมญานามว่า สุนทรฟู่

 

ในปี 2563 ได้มีการเปลี่ยน ผอ.โรงเรียนและตนไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่  กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อตนเองมาทำงานไม่ไหวจากการป่วย จึงตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการ ช่วงนั้นชีวิตตนเองเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วปิ๊งกัน

 

และช่วงนั้นก็ติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง โดยแรกๆยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทรไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาทก็มี ยอมรับว่ายืมเด็กๆแล้วไม่ได้คืน

 

ส่วนเพื่อนครูช่วงตนเองไปขอยืมเงินถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมาก ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสายหลอกลวง โดยตนเองเล่นเฟสบุ๊คแล้วเห็นมีการหาที่พัก จึงได้ไอเดียหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ ลงมือทำเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน ทำไปเยอะมาก ความเสียหายหลายหมื่นบาท

 

ยอมรับว่าทำไปเพราะ หิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิด สงสารเหยื่อด้วย และขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ตนได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน จากนี้ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณะประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรตนจะไม่คิดเงินเลย จะมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม

  

อย่างไรก็ตามหลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage