เสวนากับบรรณาธิการ : วิชเทพ ฦาชาฤทธิ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยอย่างลึกซึ้งถึงเหตุที่ทำให้ราษฎรจำนวนไม่น้อย ตกอยู่ในวงจรแห่งทุกข์เข็ญ โดยเฉพาะผู้ยากไร้ ขาดโอกาสเล่าเรียน ไม่มีอาชีพ ไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้ ทรงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรเสมอมา พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ เลขาธิการคนแรกของมูลนิธิพระดาบส ถ่ายทอดพระราชกระแสพระราชทานในเรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ความตอนหนึ่งว่า...
“…ขณะนี้ ยังมีบุคคลอีกเป็นจำนวนมากที่มีความตั้งใจจริง มีศรัทธาขวนขวายหาความรู้เป็นวิชาชีพใส่ตน แต่ประสบปัญหา ไม่มีความรู้พื้นฐาน และไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาวิชาชีพระดับต่าง ๆ ได้ หากมีช่องทางเหล่านี้ ให้มีความรู้ วิชาชีพที่เขาปรารถนา ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติได้…”
แต่ “ช่องทางช่วยเหลือ” ในยุคสมัยนั้น ไม่สามารถจัดผ่านระบบการศึกษาปกติได้เพราะโรงเรียนวิชาชีพ เช่น โรงเรียนอาชีวศึกษาโรงเรียนการช่าง วิทยาลัยเทคนิค สถาบันเทคโนโลยีต่างๆ ล้วนมีข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้เรียน เช่น กำหนดพื้นฐานความรู้ อายุ เป็นต้นส่วนการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ก็มีเพียงแก้ไขปัญหาผู้ใหญ่ไม่รู้หนังสือให้อ่านออกเขียนได้และเป็นพลเมืองดี ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องอาชีพการงาน
จากพระกระแสดำรัสดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้จัดการเรียนการสอนสายวิชาชีพอาชีพ และสามารถพูดย้ำได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า ได้ยึดมั่นการเดินตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สนองพระบรมราโชบายด้านการศึกษา 4 ด้าน ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สร้างคนดีมีความรู้ความสามารถให้บ้านเมือง ทุกประการ
"...๑) มีทัศนคติที่ดีที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง
๒) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง
๓) มีคุณธรรมและ
๔) มีงานมีอาชีพสามารถเลี้ยงตนเองเลี้ยงครอบครัวได้และเป็นพลเมืองที่ดีมีระเบียบวินัย...”
สอศ. เริ่มดำเนินการจัดการเรียนการสอนโครงการดังกล่าวรุ่นแรกเมื่อปี ๒๕๕๘ บนความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ประกอบด้วย วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง วิทยาลัยการอาชีพกาญจนาภิเษกหนองจอก วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง และวิทยาลัยเทคนิคดุสิต
สืบเนื่องมาถึง วันที่ 22 ส.ค. 2566 ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือระหว่างมูลนิธิพระดาบส กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส เป็นประธาน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมลงนาม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา มูลนิธิพระดาบส จ.สมุทรปราการ
โดยโรงเรียนพระดาบส ร่วมกับ วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) จัดการศึกษาให้แก่ศิษย์พระดาบส ที่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ให้เข้าศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ระบบทวิภาคี โดยการเทียบโอนผลการศึกษาที่เรียนในโรงเรียนพระดาบส ๑ ปี และเทียบโอนประสบการณ์ในสถานประกอบการ ๑ ปี เข้าร่วมกิจกรรมที่สถาบันการศึกษากำหนด ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ศิษย์พระดาบสได้พัฒนาตนเอง และมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น
ปัจจุบัน มีศิษย์พระดาบสที่เข้าศึกษาต่อในโครงการฯ และสำเร็จการศึกษา ได้รับวุฒิการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ปวส.ระบบทวิภาคี เป็นไปตามกรอบสมรรถนะอาชีพ ตามสาขาวิชาชีพที่กำหนดไปแล้ว จำนวน 231 คน และมีศิษย์ฯ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา จำนวน 41 คน
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวถึงการสร้างความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีให้กับผู้เรียนภายใต้การควบคุมดูแลของมูลนิธิพระดาบส ให้ได้รับวุฒิการศึกษาตามหลักสูตรอาชีวศึกษาทุกระดับ และร่วมกันเพื่อพัฒนา ปรับปรุงหลักสูตร หรือรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และความต้องการของตลาดแรงงาน
ภายใต้กรอบมาตรฐานอาชีพ ส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ ประสบการณ์ และทักษะวิชาชีพเฉพาะด้านจากการปฏิบัติจริง ตลอดจนสนับสนุน ร่วมมือด้านบุคลากร และอุปกรณ์การสอน
ซึ่งจะทำให้ผู้ที่รอคอยโอกาสทั้งด้านการศึกษา และการประกอบอาชีพอีกมากมาย โดยเฉพาะผู้ที่มีความขยัน ใฝ่รู้ แต่ขาดโอกาส ขาดเวทีที่จะแสดงฝีมือ จะได้มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน มีเครื่องมือในการประกอบสัมมาอาชีพ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับตนเอง ครอบครัว ช่วยเหลือเกื้อกูลชุมชน อันเป็นแนวทางดำเนินชีวิตตามวิถีแห่งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองพัฒนาความเจริญให้ประเทศ
โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่ดูแลการจัดการศึกษา และฝึกอบรมวิชาชีพ จึงให้ความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอน และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้กับ นักเรียน นักศึกษา เพื่อให้มีความรู้ และสมรรถนะวิชาชีพ ที่สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนของภาคประกอบการ โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาคี ที่อาชีวศึกษาได้ดำเนินการอยู่นั้น ถือว่าเป็นการเรียนการสอนที่มุ่งสู่อาชีพ และการมีงานทำได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการของภาคประกอบการ อย่างตรงเป้าหมาย โดยผู้เรียนจะได้ฝึกปฏิบัติงานจริง เกิดทักษะความชำนาญ ทักษะชีวิต
ความร่วมมือกับมูลนิธิพระดาบสในครั้งนี้ จะร่วมกันดำเนินงานผ่านกิจกรรมด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของศิษย์พระดาบสให้มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน เช่น การเทียบโอน ความรู้ และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อเพิ่มคุณวุฒิวิชาชีพ โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ ร่วมกันในการคัดเลือก นักศึกษาเข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด รวมไปถึงการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอน เอกสาร ตำรา สถานที่
เพื่อให้เกิดความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนร่วมกัน เพื่อให้ผู้เรียนอาชีวศึกษา ได้เรียนรู้กระบวนการปฏิบัติงานทักษะด้านวิชาชีพ ตลอดจนคุณธรรมจริยธรรม ตรงตามคุณวุฒิการศึกษา และความต้องการของสถานประกอบการ ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ทั้งหมดนี้ จะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาประเทศ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่
https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage