สุเทพ” มอบนโยบายขับเคลื่อนจัดการศึกษา ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามบริบทพื้นที่ ลดใช้กระดาษทำงานและประชุม

 

สุเทพ” มอบนโยบายขับเคลื่อนจัดการศึกษา ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามบริบทพื้นที่ ลดใช้กระดาษทำงานและประชุม

 

ปลัด ศธ. “สุเทพ แก่งสันเทียะ” มอบนโยบายศึกษาธิการภาค/จังหวัด และหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ เน้นขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของ รมว.ศธ. เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ลดภาระครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครอง พร้อมลดขั้นตอนการดำเนินงาน นำระบบเทคโนโลยี Smart Office ลดใช้กระดาษในการประชุมและการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐ

 

จังหวัดเชียงใหม่ 9 พฤศจิกายน 2566 / นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในระดับพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวรัท พฤกษาทวีกุล หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ศึกษาธิการภาค (ศธภ.) ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ผู้บริหารส่วนกลางในสังกัด รวมทั้งบุคลากรเขตตรวจราชการ 15, 16, 17 เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมเรือนคุ้ม โรงแรมคุ้มภูคำ

 

ปลัด ศธ. กล่าวว่า ตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี” ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 11 กันยายน 2566 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำมาเป็นกรอบในการกำหนดนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข” โดยมุ่งเน้นลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงข้อสั่งการและแนวปฏิบัติ นำไปขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา เมื่อ 14 กันยายนที่ผ่านมา

 

ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ปลัด ศธ. จึงฝากแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายที่จะให้ผู้บริหารนำมาใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน กล่าวคือ ผู้บริหารและบุคลากรของทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาลและนโยบาย รมว.ศธ. อย่างถูกต้อง ชัดเจน สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ก่อให้เกิดความคิดในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่หลากหลายและสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกช่วงวัยได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสุขกับชีวิตวัยเรียน รวมทั้งต้องคำนึงถึงปัญหา ความแตกต่าง ความหลากหลาย และปรับแนวทางการขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงตามบริบทในแต่ละพื้นที่

 

ทั้งนี้ การจัดทำแผนการศึกษาของจังหวัด ต้องสอดรับกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดเป็นสำคัญ เพราะในแต่ละพื้นที่นั้นมีบริบทที่แตกต่างกัน ซึ่ง ศธจ. เปรียบเสมือนรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านการศึกษา ในการขับเคลื่อนแผนการศึกษาของจังหวัดโดยยึดแผนการศึกษาชาติให้มีความสอดคล้องกับแผนการศึกษาของ ศธ. จึงต้องเป็นศูนย์กลางประสานงานความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการจัดทำแผนการศึกษาของจังหวัดให้เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปบรูณาการการทำงานขับเคลื่อนภายใต้แผนการศึกษาของจังหวัด สร้างบทบาทในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติให้ได้

 

ตลอดจนการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผู้บริหารและบุคลากรของทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ.และหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในพื้นที่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อความเป็นเอกภาพในการดำเนินงาน

 

โดยเครื่องมือหนึ่งที่จะสามารถใช้สำหรับนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้อย่างชัดเจน พร้อมจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาในระดับภาคและระดับจังหวัด นอกเหนือจากเรื่องนโยบายขับเคลื่อนการจัดการศึกษา คือ อยากให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับระบบ Smart Office นำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

 

อีกทั้ง ลดขั้นตอนในการดำเนินงาน ลดการใช้กระดาษ ประหยัดงบประมาณ รวมถึงลดการใช้บุคลากรในการผลิตและจัดเก็บเอกสาร ขณะนี้ ศธ.เริ่มใช้ระบบประชุม e-Meeting ซึ่งไม่มีวาระการประชุมเป็นกระดาษแล้ว และพร้อมสนับสนุนให้ส่วนราชการในระดับภูมิภาคใช้ระบบการทำงานแบบ Smart Office เช่นเดียวกัน รวมไปถึงการลงพื้นที่ก็ขอให้ใช้ไฟล์เอกสาร หรือการจัดนิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์

 

 

“ศธภ. และ ศธจ. ต้องเป็นศูนย์กลางประสานการบูรณาการความคิดร่วมกันระหว่างทุกหน่วยงานสังกัด ศธ. ระดับพื้นที่ อันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับเด็ก เยาวชน และประชาชน ซึ่งเป็นผู้รับบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม ต้องมีการกำกับ เร่งรัด ติดตามประเมินผล และรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้ทราบความก้าวหน้า ของผลการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

 

อีกทั้งเป็นการช่วยกระตุ้น ส่งเสริม สนับสนุนให้หน่วยงานนำนโยบายไปปฏิบัติจริง ส่วนนโยบายไหนยังไม่มีความก้าวหน้าในการดำเนินงาน หรือมีปัญหาอุปสรรคใด ต้องรีบดำเนินการปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ยกระดับการศึกษาของผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป”

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage