สสส.-สคอ. วิเคราะห์อุบัติเหตุ 7 วันอันตรายปีใหม่ 2567 มุ่งสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ป้องกันเหตุซ้ำรอยช่วงเทศกาล

 

สสส.-สคอ. นำทีมสื่อฯ-ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่สืบย้อนหาสาเหตุอุบัติเหตุใหญ่เทศกาลปีใหม่ 2567 ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันเข้มข้นเร่งด่วน หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล

 

 

นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า “สคอ.ได้ดำเนินการรณรงค์สื่อสารประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความตระหนักขับขี่ปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องตามนโยบายศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยเน้นข้อความรณรงค์ “ ดื่มไม่ขับ ยิ่งดื่มนาน สมองยิ่งเสี่ยง” เทศกาลปีใหม่ 2567 ช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.6 – 4 ม.ค.67 ได้วางแผนร่วมมือกับสื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นหน่วยวิเคราะห์เคลื่อนที่เร็ว เจาะลึกกรณีอุบัติเหตุในพื้นที่ โดยใช้รูปแบบการวิเคราะห์ Haddon Matrix เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องรถ คน ถนน และสิ่งแวดล้อม พร้อมประสานหน่วยปฏิบัติการในระดับพื้นที่รวบรวมรายละเอียด และจัดทำเป็นประเด็นข่าว ผลิตคลิปวิดีโอ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางให้ทันต่อเหตุการณ์  พร้อมนำทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่จังหวัดเกิดอุบัติเหตุใหญ่ โดยใช้ข้อมูลตัวเลขการรายงานสรุปผลประจำวันของ ศปถ. เป็นข้อมูลหลักในการกำหนดจังหวัดหรือพื้นที่”

 

 

 

นายพรหมมินทร์ กล่าวว่า “สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ สคอ.และคณะทำงาน มุ่งหวังรวบรวมข้อมูล ปัญหา  เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเชิงลึก รวมถึงค้นหาปัจจัยเสี่ยงเริ่มต้นของอุบัติเหตุที่แท้จริง เช่น ดื่มแล้วขับและเกิดอุบัติเหตุ  ควรจะย้อนดูว่า มีการดื่มมาจากที่ไหน ซื้อจากร้านใด  หรือดื่มติดต่อกันมานานแล้วกี่วันจึงมาขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ โดยข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมได้ ทาง สคอ.และคณะทำงาน จะนำสรุปผลเสนอแก่ที่ประชุม เพื่อให้กำหนดเป็นมาตรการ หรือข้อสั่งการไปยังผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้เฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มข้น รวมถึงจัดการความเสี่ยงได้อย่างตรงจุด และรวดเร็ว ลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต  นอกจากนี้ได้เก็บข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และผู้เชี่ยวชาญ นำมาผลิตเป็นคลิปวิดีโอ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความตระหนักถึงผลกระทบและ ความสูญเสีย โดยมุ่งหวังให้การใช้รถใช้ถนนในประเทศไทย มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”