รมช.ศธ.ปิ๊งนวัตกรรมใหม่ ป้องกันอาหารกลางวันไร้คุณภาพ สั่งร.ร.ส่งภาพให้เขตพื้นที่ฯตรวจทุกวัน

 

 

รมช.ศธ.ปิ๊งนวัตกรรมใหม่ ป้องกันอาหารกลางวันไร้คุณภาพ สั่งร.ร.ส่งภาพให้เขตพื้นที่ฯตรวจทุกวัน  

 

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปิ๊งนวัตกรรมใหม่ จากการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ณ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ได้รับเสียงสะท้อนถึงปัญหาข้อจำกัดด้านงบประมาณ โรงอาหาร อาคารเรียน และบ้านพักครู ซึ่งจะนำมาบรรจุอยู่ในการจัดทำแผนคำของบประมาณ ปี 2568

 

กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและศธ.ครั้งนี้ พบว่า สถานศึกษาในจังหวัดกระบี่ที่อยู่ภายใต้สังกัดศธ. มี 277 แห่ง มีนักเรียน นักศึกษา 86,715 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา 4,620 คน ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ทำให้ได้เห็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ของพล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. อาทิ การลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา การลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู การพัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิตให้เป็นรูปธรรม รวมถึงส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ เป็นต้น ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่ฯ ที่บูรณาการทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี

 

กล่าวต่อไปว่า อีกเรื่องที่เราให้ความสำคัญ คือเรื่องของการดําเนินงานโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีโปรแกรม Thai School Lunch อยู่แล้ว เป็นระบบแนะนำสำรับอาหารกลางวันสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การออกแบบอาหารมื้อกลางวันเหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย โดยเราจะกําชับอย่างเคร่งครัดว่า ในการทําอาหารกลางวันแต่ละมื้อ จะต้องอิงจากเมนูในโปรแกรม Thai School Lunch ที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการและสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับจัดสรร

 

ซึ่งต่อไปเราจะทำเป็นแอปพลิเคชันเพื่อให้ถ่ายรูปอาหารที่ทำเสร็จแล้วของแต่ละโรงเรียนรายงานส่งมาที่เขตพื้นที่การศึกษา โดยจะให้เขตพื้นที่การศึกษาคอยเป็นฝ่ายช่วยมอนิเตอร์ในเรื่องอาหารกลางวันด้วย

 

 

นอกจากนั้น ก็มีเรื่องของการดำเนินงานร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ใน 2 เรื่องคือ 1.เรื่องการนำหลักสูตรการต่อต้านทุจริตมาสอนให้กับนักเรียน ซึ่งมีความสําคัญ เป็นรากฐานที่ดีในการต่อต้านคอร์รัปชั่น ปลูกฝังการต่อต้านทุจริต รวมถึงความรู้เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างในโรงเรียนและงานพัสดุ โดยจะมี สำนักงาน ป.ป.ช. ของแต่ละจังหวัดคอยเป็นพี่เลี้ยงให้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด 2.เรื่องภัยคุกคามจากภายนอก ที่คุณครูเวรโดนทําร้ายในโรงเรียน โดยศธ.ได้มีการทำ MOU ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ขอความร่วมมือให้ฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน เข้ามาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียนสังกัดศธ. โดยทางศธ.จะทำหนังสือเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการเน้นย้ำกระทรวงมหาดไทย ส่งไปถึงฝ่ายปกครองต่าง ๆ ให้ช่วยดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้น

 

  

"ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ทางศธ.จะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด โดยสถานศึกษาต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย ต่อไปหากมีการบรรจุนักการภารโรงเพิ่มเข้ามา ก็จะช่วยดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนได้อีกทางหนึ่ง และศธ.มีแนวคิดที่จะยกศูนย์ความปลอดภัย ศธ. ขึ้นมาเป็นสำนักความปลอดภัย เพื่อให้มีทั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในแต่ละเขตพื้นที่ก็จะรีบเข้าไปตรวจสอบ ดูแล และรับเรื่องร้องเรียน มีบุคลากรที่มีความชำนาญโดยเฉพาะ และมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่เพียงพอสำหรับการดำเนินงานต่อไป“ รมช.ศธ. กล่าว

 

“เรื่องอาหารกลางวันนักเรียน ให้โรงเรียนถ่ายภาพอาหารกลางวันนักเรียน ส่งรายงานเขตพื่นที่ เพื่อช่วยตรวจสอบว่าอาหารกลางวันของนักเรียนมีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ รมว.ศธ.ได้เสนอของบอาหารกลางวัน 2,955 ล้านบาท ในกลุ่มโรงเรียนขยายโอกาส 7,344 แห่งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรุงเทพมหานคร และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) รวม 575,983 คน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage