“คุรุสภา” ออกกฎเหล็ก ฉบับใหม่ คุมสถาบันผลิตครูและบุคลากรการศึกษา เข้มป.ตรี-เอก 1 สถาบัน 1 แผนรวม ส่งข้อมูลก่อนเปิดสอนไม่น้อยกว่า 60 วัน เริ่มปีการศึกษา 2567

 

“คุรุสภา” ออกกฎเหล็ก ฉบับใหม่ คุมสถาบันผลิตครูและบุคลากรการศึกษา เข้มป.ตรี-เอก 1 สถาบัน 1 แผนรวม ส่งข้อมูลก่อนเปิดสอนไม่น้อยกว่า 60 วัน เริ่มปีการศึกษา 2567

 

บอร์ดคุรุสภา ชูประกาศ ”การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพเพื่อการประกอบวิชาชีพ ปี 67 ” เน้นกระบวนการผลิตครูคุณภาพ : ต้นน้ำของระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐาน

 

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาได้มีประกาศคุรุสภา เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพ พ.ศ.2567 ในราชกิจจานุเบกษา ถือเป็นการปฏิรูปการผลิตครูและปรับโฉมกระบวนการผลิตครู โดยประกาศฉบับใหม่นี้มีหลักเกณฑ์การพิจารณา วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองปริญญา ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานการของสถาบันอุดมศึกษา ที่ผลิตครู และบุคลากรทางการศึกษาของประเทศไทย ทั้งหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกทางการศึกษา รวมถึงประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือ ที่เรียกชื่ออย่างอื่น
       

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า  ในการขอรับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรจากคุรุสภา สถาบันอุดมศึกษา ต้องกำหนดแผนการผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สอดคล้อง กับ ความต้องการศักยภาพความพร้อมและความเชี่ยวชาญของแต่ละสถาบัน รวมถึงจัดทำแผนการผลิต ในรอบระยะเวลา 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป 

 

สถาบันจะต้องวิเคราะห์ความพร้อม ศักยภาพ และ จัดทำแผนการผลิตทุกระดับการศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งปริมาณและคุณภาพ โดย 1 สถาบัน 1 แผนรวม หากมีการผลิตนอกเหนือจากแผนที่เสนอมา คุรุสภาจะไม่รับรอง และในระหว่าง 5 ปี สถาบันอุดมศึกษาสามารถปรับแผนได้ 1 ครั้ง ซึ่งการขอรับรองหลักสูตร สถาบัน ต้องส่งเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนเปิดรับนักศึกษาไม่น้อยกว่า 60 วัน

 

 

สำหรับหลักสูตร ที่จะขอรับรองและเปิดสอนในปีการศึกษา 2569 จะต้องส่งเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ก่อนเปิดรับนักศึกษาไม่น้อยกว่า 180 วัน ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะดำเนินการรับรองฯ ให้แล้วเสร็จก่อนที่สถาบันจะเปิดรับนักศึกษา และการรับนักศึกษา ต้องไม่เกินแผนการผลิตที่สภาสถาบันอนุมัติ

 

ทั้งนี้ ใน 1 ห้องเรียนรับนักศึกษาไม่เกิน 30 คน ซึ่งอาจจะรับได้มากกว่า 1 ห้องเรียน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของสถาบันที่เป็นไปตามเกณฑ์ของสาขาวิชา และสามารถรับเกินจำนวนที่กำหนดไว้ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของแผนการรับนักศึกษาเท่านั้น

 

ประกาศฉบับนี้ ได้กำหนดคุณสมบัติของอาจารย์ ต้องประกอบด้วย

 

1.) อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรและอาจารย์ประจำหลักสูตร ที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา และมีคุณวุฒิด้านการศึกษาในระดับที่สูงกว่าระดับปริญญาของหลักสูตรที่รับผิดชอบหรือประจำหลักสูตร และเป็นคุณวุฒิด้านการศึกษาตรงกับสาขาวิชา

หรือมีคุณวุฒิด้านการศึกษาสัมพันธ์กับสาขาวิชา และมีผลงานด้านการศึกษา ในสาขาวิชาที่รับผิดชอบตามเกณฑ์ของ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารหลักสูตร

 

2) อาจารย์ผู้สอนรายวิชาชีพครู และรายวิชาชีพบริหารการศึกษา มีคุณวุฒิ หรือประสบการณ์สอดคล้องกับรายวิชาชีพครู หรือรายวิชาชีพบริหารการศึกษา ที่รับผิดชอบจัดการเรียนการสอน และ

 

3) อาจารย์นิเทศก์ มีคุณวุฒิทางวิชาชีพครู วิชาชีพบริหารการศึกษา และสมรรถนะในการนิเทศการปฏิบัติการสอน การปฏิบัติการบริหารสถานศึกษาและบริหารการศึกษา

กรณีอาจารย์นิเทศก์ที่ไม่มีคุณวุฒิการศึกษา ต้องผ่านกระบวนการพัฒนาสมรรถนะจากหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะด้านการศึกษาที่คุรุสภารับรอง

 

สำหรับอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร อาจารย์ผู้สอน ต้องมีคุณสมบัติเป็นอาจารย์คุณภาพ 2 ตามประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่องแนวทางการพัฒนาคุณภาพอาจารย์ เพื่อส่งเสริมการบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ตามาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2566

 

รวมทั้งครูพี่เลี้ยง ที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์ตรงกับรายวิชาที่ปฏิบัติการสอน โดยสัดส่วนครูพี่เลี้ยงต่อนักศึกษาไม่เกิน 1: 3 และอาจารย์นิเทศ 1 : 10 โดยนับรวมทุกหลักสูตรที่ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในภาคเรียนนั้น ๆ และสถาบันจะต้องออกแบบให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานครูและการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษา

       

ผศ.ดร.อมลวรรณ  กล่าวอีกว่า การพัฒนาผู้เรียน ต้องมีกระบวนการพัฒนาทักษะ ด้านการสื่อสารภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาให้กับนักศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดหลักสูตร มีกิจกรรมเสริมความเป็นครู โดยสถาบันต้องจัดให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดหลักสูตร ได้แก่

 

 

1) กิจกรรมสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นพลเมืองดีในด้านการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2) กิจกรรมส่งเสริมจรรยาบรรณของวิชาชีพ (E-PLC) ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

3) กิจกรรมส่งเสริมทักษะชีวิต การเป็นอยู่อย่างพอเพียง และการรู้เท่าทันทางการเงิน

4) กิจกรรมจิตอาสา จิตสาธารณะ หรือการบำเพ็ญประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม

5) กิจกรรมเสริมทักษะการสื่อสารภาษาไทยและภาษาอังกฤษสำหรับครู และ

6) กิจกรรมลูกเสือ ซึ่งอาจเป็นรายวิชาหรือกิจกรรมฝึกอบรมตามหลักสูตรของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ

 

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังการรับรองไปแล้ว สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จะส่งคณะอนุกรรมการติดตามผลการรับรองโดยการประเมินเชิงประจักษ์ เพื่อให้สถาบันดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด อย่างน้อย 1 ครั้ง

 

ซึ่งกรณีที่สถาบันจัดหลักสูตร ไม่เป็นไปตามเกณฑ์การรับรอง จะต้องดำเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตามเกณฑ์ ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากปรับแก้ไขแล้วเป็นไปตามเกณฑ์การรับรอง คุรุสภาจะยืนยันการรับรอง แต่หากปรับแก้ไขแล้วยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์การรับรอง คุรุสภาจะพักการรับรองหรือยุติการรับรองแล้วแต่กรณี

 

 

ซึ่งการปรับโฉมกระบวนการผลิตครูครั้งนี้ จะสร้างความมั่นใจในมาตรฐานการผลิตครู บัณฑิตที่จบมามีคุณภาพ และส่งผลต่อผู้เรียนที่จะมีคุณภาพมากขึ้น

 

ตนขอให้สถาบันอุดมศึกษาตระหนักและให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ ครูของครูใส่ใจกับลูกศิษย์ มีสมรรถนะการอบรมบ่มเพาะนักศึกษาให้เป็นครูดีสอนดี ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข ต่อไป

 

ทั้งนี้ สามารถอ่านรายละเอียดได้ในประกาศคุรุสภา เรื่องการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษา ตามมาตรฐานวิชาชีพเพื่อการประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2567 ที่ประกาศในราชกิจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage