"สพฐ. ปลื้ม" คลายทุกข์ แก้หนี้ครูกว่า 6 แสนคนแล้ว
 
"สพฐ. ปลื้ม" คลายทุกข์ แก้หนี้ครูกว่า 6 แสนคนแล้ว
 
.
วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นำทีม สพฐ. ร่วมงาน "สพฐ.สัญจร รวมพลังแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากร" จุดที่ 3 ภาคใต้ ณ โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร
 
 
 
 
ดยมี ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย และ ดร.ณรินทร์ ชำนาญดู ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาญจนบุรี พบปะหารือแนวทางการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคใต้ ที่ลงทะเบียนเข้ารับการแก้ไขหนี้สินกับ สพฐ.
 
 
 
 
รวมทั้งผู้มีเงินเดือนเหลือน้อยกว่ากว่าร้อยละ 30 ผู้สนใจและมีความทุกข์จากการเป็นหนี้สิน โดยมี ผู้บริหารจาก สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 1-3 สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร สพป.นครศรีธรรมราช เขต 4 สพม.นครศรีธรรมราช และ สพป.ชุมพร เขต 1 ครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการบำนาญ ในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด เข้าร่วมอย่างคึกคักกว่า 700 คน
 
 
พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ Facebook live : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. ไปยังผู้ชมที่สนใจทั่วประเทศ จำนวน 6,200 คน ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง
 
 
 
 
นางเกศทิพย์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากร โดยได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ร่วมกับสถานีแก้หนี้ครูทั่วประเทศ เพื่อช่วยคลายทุกข์ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ครูมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ตามนโยบาย "เรียนดี มีความสุข”
 
.
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรฯ ของ สพฐ. ทั้งบุคลากรที่อยู่ในระบบราชการและข้าราชการบำนาญ เป็นเรื่องสำคัญที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐบาลและผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญ กำกับ ติดตามอย่างใกล้ชิด จากการลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ ได้กระตุ้นและเน้นย้ำนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่ดำเนินการโดยสถานีแก้หนี้ สพฐ. ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ครูและบุคลากร ได้คลายทุกข์ ทำงานอย่างมีความสุข สามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้นักเรียน เรียนดีอย่างมีความสุข
 
 
 
 
รวมทั้งได้สร้างความมั่นใจในระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งในส่วนการหักเงินเดือนที่ต้องมีเงินเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และกรณีข้าราชการผู้ใดเห็นว่าสหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกอยู่นั้นไม่ดำเนินการดูแลและช่วยเหลือให้มีการหักเงินเดือนหรือเงินบำเหน็จบำนาญเพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้ ก็จะมีสถานีแก้หนี้สินครูทั้ง 245 เขตพื้นที่ เป็นตัวแทนเจรจา ปรับลดดอกเบี้ย รวมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งให้ความรู้ในการบริหารจัดการการใช้เงินอย่างฉลาดอีกด้วย
 
 
 
รองเลขาธิการ กพฐ. นอกจากนี้ ในส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ในเรื่องการขับเคลื่อนฯ มีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สามัญเหลือไม่เกินร้อยละ 4.75 จำนวน 11 แห่ง และยังมีส่วนที่ทยอยลดดอกเบี้ยต่ำลงอีก 42 แห่ง
 
 
"มีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการช่วยเหลือ 619,125 คน สำหรับผู้ลงทะเบียนทางระบบแก้หนี้ออนไลน์ของ สพฐ. มียอดรวมสะสม 7,020 คน สามารถแก้ไขได้สำเร็จแล้ว 799 คน มีมูลค่าหนี้ที่แก้ไขได้กว่า 2,397 ล้านบาท"
 
 
 
 
ที่สำคัญการสัญจรลงพื้นที่แต่ละจุด ยังสามารถสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานสถานีแก้หนี้ สพท. ให้มีแนวทางที่ชัดเจนและดำเนินการประสานเจรจา ช่วยเหลือครูและบุคลากรฯ และแก้ไขกรณีตัวอย่างที่มีความวิกฤติฉุกเฉินได้จำนวนมาก เช่น ครูบำนาญ เกษียณอายุมาแล้ว 9 ปี เงินเดือน เงินวิทยฐานะลดลง ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตกเป็นหนี้เสีย ส่งผลให้ธนาคารฟ้องบังคับคดี ผู้กู้และผู้ค้ำประกันจะถูกฟ้องยึดบ้านและที่ดิน
 
 
เมื่อทราบข้อมูล สพท. และ สพฐ. จึงร่วมมือกันประสานธนาคารผู้ฟ้อง และสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยช่วยเหลือ ส่งผลให้ครูบำนาญสามารถผ่อนชำระได้ตามกำลังการเงิน กลายเป็นลูกหนี้ปกติ ธนาคารผู้ฟ้องชะลอการฟ้องร้องและบังคับคดีผู้ค้ำประกัน ส่งผลให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกันมีรอยยิ้ม สุขใจกลับบ้านอย่างมีความสุข
 
 
สำหรับอีกกรณีพบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ภาคใต้ให้ความช่วยเหลือโดยการลดดอกเบี้ยและปรับโครงสร้างหนี้แล้ว แต่ยังมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 จำนวนกว่า 20 ราย
 
 
 
 
ซี่งได้ปรึกษาคณะกรรมการที่ปรึกษาการแก้ไขหนี้สิน สพฐ.แล้ว พบว่ามีปัญหาเรื่องจัดรูปแบบการผ่อนชำระรายเดือนเพื่อให้เงินเดือนเหลือมากขึ้น โดยปรับรูปแบบจากการผ่อนชำระแบบยอดเท่ากันทุกเดือน เป็นการผ่อนชำระแบบเงินต้นเท่ากันทุกเดือน ส่งผลให้มีเงินเดือนมากขึ้น สามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข
 
 
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ "ความสำคัญของการยกเลิกการผูกขาดที่ครูจะต้องกู้ยืมจากสหกรณ์ในจังหวัดเท่านั้น เพื่อช่วยให้ครูได้รับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม