ศธ.ไม่ถอยเช่าแท็บแลบ 6 แสนเครื่อง ทดลองนำร่องแจก ร.ร.1,808 แห่ง แม้วงเงิน 13,000 ล. สัญญา 5 ปี ไม่รวมจ้างทำแพลตฟอร์ม – เนื้อหาการเรียน-สอน

 

ศธ.ไม่ถอย"เช่าแท็บแลบ 6 แสนเครื่อง ทดลองนำร่องแจก ร.ร.1,808 แห่ง แม้วงเงิน 13,000 ล. สัญญา 5 ปี ไม่รวมจ้างทำแพลตฟอร์ม – เนื้อหาการเรียน-สอน

 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการดำเนินนโยบายโครงการ "1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ" ว่า ขณะ นี้ การดำเนินการในเรื่องดังกล่าว มีความตั้งใจที่อยากจะเห็นโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพสามารถเป็นโรงเรียนแม่ข่ายที่ร่วมแบ่งปันทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้แก่โรงเรียนในอำเภอเดียวกันได้

 

ดังนั้นปีการศึกษา 2567 นี้ จึงถือเป็นปีแรกที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เดินหน้านโยบาย 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ด้วยการจัดงบประมาณสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน และการเติมเต็มครูผู้สอน รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านต่าง ๆ ในโรงเรียนที่ถูกคัดเลือกให้ร่วมนำร่องโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ จำนวน 1,808 โรง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประเมินคุณภาพโรงเรียนที่นำร่องอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนหรือขยายผลโครงการไปสู่โรงเรียนคุณภาพระดับตำบลต่อไปได้

 

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนนโยบายการแจกอุปกรณ์เสริมการเรียนการสอนของครูและนักเรียนนั้น ขณะนี้การดำเนินการดังกล่าว อยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับจ้างทำแพลตฟอร์ม และ เนื้อหาการเรียนการสอน และอุปกรณ์เสริมแจกครูและนักเรียนหรือแท็บเล็ต อยู่ระหว่างการพิจารณาของบประมาณปี 2568 เพราะงบที่จะใช้แจกอุปกรณ์เสริมการสอนนักเรียน หรือ แท็บเล็ต

 

ซึ่งแต่เดิม ศธ.เสนอของบประมาณในส่วนนี้ไปจำนวน 16,000 ล้านบาท แต่ถูกสำนักงบประมาณ ตัดไปจำนวน 2,000 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้เหลืองบประมาณ ที่จะใช้ดำเนินการแจกอุปกรณ์ จำนวน 13,000 ล้านบาท

 

โดยในจำนวนงบแจกอุปกรณ์เสริม 13,000 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่เป็นการใช้เงินก้อนเดียวจัดหาอุปกรณ์แจกทั้งหมด แต่เป็นงบที่ใช้เช่าอุปกรณ์ จำนวน 600,000 เครื่อง ซึ่งตกเครื่องละ 400 บาท ด้วยการทำสัญญาเช่า 5 ปี พร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยจะแจกอุปกรณ์เสริมการสอนดังกล่าวนำร่อง ในกลุ่ม 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 1,808 โรง และ อาจรวมไปถึงโรงเรียนขนาดกลาง และ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเพิ่มเติมไปด้วย

 

"สำหรับการเพิ่มโรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อแจกแท็บเล็ตนั้น เนื่องจากเป็นโครงการนำร่อง จึงอยากทดลองว่าการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนที่มีความพร้อมแบบนี้จะยกระดับของโรงเรียนที่มีศักยภาพน้อยให้เท่าเทียมกับโรงเรียนในเมืองได้หรือไม่ อีกทั้งกลุ่มโรงเรียนคุณภาพเอง ก็จะมีโรงเรียนที่บริหารจัดการดีมากและกำลังอยู่ระหว่างบริหารจัดการ

 

ดังนั้น จึงต้องนำร่องทดลองควบคู่ไปด้วย เพื่อนำมาเปรียบเทียบและตัดสินใจว่าในปีต่อไปจะมีแนวทางขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น" นายสิริพงศ์ กล่าว.