ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ครู-นักเรียนเสียชีวิต "อย่าให้เป็นแค่แสดงความเสียใจ" และ "ถูกต้องตามระเบียบเท่านั้น"
EDUNEWSSIAM: บทบรรณาธิการ
"...เหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับนักเรียนและครูจาก โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เดินทางทัศนศึกษาด้วยรถบัส เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เบื้องต้นตามข่าว มีผู้ประสบเหตุทั้งหมด 44 คน เป็นครู 6 คน นักเรียน 38 คน ช่วยครูออกมาได้ 3 ราย และนักเรียนเสียชีวิต 23 ราย ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลด สั่นสะเทือนใจผู้คนในสังคมยิ่ง..."
...ยิ่งสุดเศร้าเมื่อกู้ภัยพบร่างครูสาวน้อยวัยสดใส คือ คุณครูกนกวรรณ ศรีพงษ์ ที่ยอมเสียสละชีวิตตัวเองโดยเธอกอดเด็กไว้ในอ้อมกอด เพื่อปกป้องศิษย์จนวินาทีสุดท้าย...
การสูญเสียครูและนักเรียนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียบุคลากรและเด็ก ๆ ผู้เรียนที่เป็นทรัพยากรสำคัญของชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสียศูนย์ของคนในครอบครัว ที่ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
สำหรับรถบัสคันดังกล่าว ใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งกระทรวงคมนาคม ต้องพิจารณาต่อไป หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงอาจต้องให้ยกเลิกใช้แก๊ส NGV
ตลอดเหตุการณ์นี้ ควรเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้นโยบาย เรียนดี มีความสุข ที่ยังไกลต่อความจริง และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่งในการทบทวนและเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับการเดินทางของนักเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความพร้อมของพาหนะที่ใช้ในการขนส่งนักเรียน, การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับครูและนักเรียน, และการมีระบบตอบสนองเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ
อุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษานักเรียนที่เกิดขึ้นเช่นนี้ น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงในประวัติศาสตร์ ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุและความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชีวิตและความปลอดภัยของ นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ชีวิตต้องมีความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานขนส่งประจำทาง ควรต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบความเหมาะสมและความปลอดภัยของรถบัสที่ใช้ในการทัศนศึกษา ออกใบรับรองการตรวจสภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่เว้นแม้ รายละเอียดทางสุขภาพกาย สุขภาพจิต ของผู้ทำหน้าที่ขับรถ
ใบรับรองนี้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า รถมีความพร้อมตามมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งตัวบุคคล ทั้งในเรื่องของระบบเบรกที่ทำงานได้อย่างเหมาะสม สภาพยางที่ดี ไม่สึกหรอหรือแตก ระบบไฟและสัญญาณเตือนต่าง ๆ ทำงานปกติ ระบบภายในรถ เช่น ม้านั่ง สายพานนิรภัย และอุปกรณ์ดับเพลิงต่าง ๆ หรือค้อนทุบกระจก
โดยมาตรฐานสากล รถบัสต้องมีประตูหน้า ประตูกลางและประตูฉุกเฉินอีก 1 บาน หากเป็นรถในต่างประเทศจะสามารถเปิดหลังคาได้อีก
ซึ่งตามข้อกำหนดทางกฎหมายในหลายประเทศ รถที่ใช้ในการขนส่งนักเรียน ยิ่งจำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบสภาพอย่างเคร่งครัด และ ต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถที่อัพเดทอยู่เสมอ ต้องมั่นใจว่าทุกคันที่ใช้ในการขนส่งนักเรียนมีสภาพพร้อมและปลอดภัย ก่อนเดินทางทุกครั้ง
บนรถบัสนอกจากจะต้องมีอุปกรณ์ถังดับเพลิง รวมทั้งครูหรือพี่เลี้ยง จะต้องทราบวิธีการใช้งาน และมองว่าการวางแผนการเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องสำคัญ จึงจำเป็นต้องมีการซ้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดและช่วยผู้อื่น ในภัยที่อาจจะเกิดขึ้น
การมีใบรับรองนี้ ยังเป็นการยืนยันว่ารถได้รับการดูแลอย่างดีและได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ปกครองที่ใช้บริการขนส่งนี้
นอกจากนี้ กระทรวงการศึกษา (ศธ.) โดยเขตพื้นที่การศึกษาฯ ต้องรู้มาตรการตรวจสอบและการรับรองมาตรฐานของโปรแกรมทัศนศึกษา รวมถึงการฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด เช่นกัน
รวมทั้งการประสานหน่วยงานท้องถิ่นตำรวจท้องที่ และ อาสาสมัคร ช่วยสำรวจและตรวจสอบถนนที่ใช้ในเส้นทางเดินรถเพื่อความปลอดภัย
ปกติการใช้รถตำรวจทางหลวงนำรถทัศนศึกษาหรือรถบัสที่มีนักเรียนเป็นเรื่องที่มีการดำเนินการในหลายแห่ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงขณะเดินทาง รถตำรวจจะทำหน้าที่นำขบวน จะช่วยควบคุมการจราจร, และให้ความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจว่า รถที่มีนักเรียนข้างในจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุบนท้องถนน
เหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดนี้ ควรเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้กับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ในการปรับปรุง ทบทวน กฎ ระเบียบ และ เพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับการเดินทางของนักเรียน ไม่เพียงเฉพาะการไปทัศนศึกษา แต่ควรรวมรถที่ใช้ในการรับ-ส่งนักเรียนทั่วไปอีกด้วย
การลงทุนในมาตรการเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันการสูญเสียในอนาคต แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและสังคมว่าระบบการศึกษาของเราให้ความสำคัญกับชีวิตและความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญไม่แพ้นโยบายอื่น
ซึ่งการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับครูและนักเรียน, และการมีระบบตอบสนองเหตุฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ น่าจะช่วยได้
นี่คือ การลงทุนที่ต้องเร่งทำ เพราะคุ้มค่าที่สุดกับการลงทุนเพื่ออนาคตและความปลอดภัยของ เด็ก ๆ และ เยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ