ยกย่องเกียรติภูมิครู ผู้ปกป้อง-เสียสละชีพ ต้องไม่สูญเปล่าไปกับกาลเวลา อย่าให้มีค่า แค่ “ดูแลสิทธิประโยชน์-ชดเชยการเงิน-ขึ้น เงินเดือน 3 ขั้น”

 

 

ยกย่องเกียรติภูมิครู ผู้ปกป้อง-เสียสละชีพ

ต้องไม่สูญเปล่าไปกับกาลเวลา อย่าให้มีค่า

แค่ “ดูแลสิทธิประโยชน์-ชดเชยการเงิน-ขึ้น

เงินเดือน 3 ขั้น”

 

 

การเสียชีวิตของครู 3 ท่าน จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ได้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันทรงคุณค่าของครูในฐานะ "ผู้ปกป้อง" และ "ผู้เสียสละ" ที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการให้ความรู้แก่เด็กนักเรียน เท่านั้น

แต่ครูทั้ง 3 ยังทุ่มเทเสียสละชีวิตเพื่อปกป้อง ดูแลนักเรียน อย่างแท้จริง เหตุการณ์นี้ควรเป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้สังคมไทยและกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักถึงบทบาทของครูในฐานะ "พ่อแม่คนที่สอง" และนำมาสู่การให้เกียรติและดูแลครูอย่างสมเกียรติทั่วหน้า

 

ในการนำเสนอบทความนี้ มีสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือ การยกย่องเชิดชูเกียรติและการสร้างกลไกที่สนับสนุนครอบครัวของครู  รวมถึงการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นสำหรับสวัสดิการของครูไทยทุกคน เพื่อให้การเสียสละในครั้งนี้ของครูทั้ง 3 มีคุณค่าอย่างแท้จริงและยั่งยืน

 

ขอย้ำว่า ในเหตุการณ์ที่ครู 3 ท่าน เสียชีวิตขณะปกป้องนักเรียน เป็นที่ชัดเจนว่า ความทุ่มเทและหน้าที่ของครูนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง และไม่ควรปล่อยให้การกระทำเช่นนี้สูญเปล่าไปกับกาลเวลา เนื่องจากไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ต่อครอบครัวและชุมชน เท่านั้น

 

แต่ยังสะท้อนถึงความกล้าหาญและเสียสละของครูผู้ทำหน้าที่ เป็นผู้พิทักษ์เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติอีกด้วย  

 

เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้สังคม ต้องหันมาทบทวนเรื่องความปลอดภัยของเด็กและครูในการทัศนศึกษา การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยในโรงเรียนและการเดินทางควรเป็นเรื่องเร่งด่วนและจริงจัง เช่น การตรวจสอบยานพาหนะอย่างเข้มงวด การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในกรณีฉุกเฉิน และการเพิ่มมาตรการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

กระนั้น การเสียชีวิตของครูทั้ง 3 ท่าน ไม่ควรเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกลืมเลือน แต่ควรถูกใช้เป็นตัวอย่างเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในวงการศึกษาไทย โดยเริ่มตั้งแต่การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย รวมไปถึงการเพิ่มสวัสดิการครูเป็นสิ่งที่จำเป็น

 

และการยกย่องเกียรติภูมิของครูที่เสียสละ ให้เห็นเป็นรูปธรรมจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับครูรุ่นใหม่ที่ยังคงทำหน้าที่ปกป้องและดูแลเด็กและเยาวชนไทยด้วยจิตวิญญาณของครู

 

 

ดังนั้น เรามองว่า การดูแลครูที่เสียชีวิตเพียงดูแลสิทธิประโยชน์ของครูที่เสียชีวิตทั้ง 3 คนและการชดเชยทางการเงิน หรือ พิจารณาขึ้นเงินเดือนประมาณ 3 ขั้น นั้น แม้จะดูเป็นจำนวนมาก แต่เป็นเพียงการตอบแทนในเบื้องต้น ตามสิทธิกำหนดไว้ในทางราชการเท่านั้น ยิ่งมาพิจารณาถึง หากครูมีชีวิตรับราชการยังได้เงินเดือน วิทยฐานะ การเติบโตในหน้าที่ล้วนสูงขึ้น สวัสดิการตามสิทธิที่พ่อ-แม่-และบุตรได้รับ คงมากพอในการดำรงชีพอย่างมีความสุขได้แน่นอน 

 

อย่างไรก็ตามเมื่อหันกลับมามองในระยะยาวกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น สิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลควรให้ความสำคัญควบคู่กันไป คือ การสร้างกลไกที่เป็นการสนับสนุนยกย่องเชิดชูเกียรติยศความดีงาม ถึงความเสียสละของครูในการปกป้องศิษย์ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายอย่างไม่หวั่นแมัความตาย ให้เป็นตัวอย่างปรากฎแก่สังคมอย่างยั่งยืน ในฐานะ" ผู้ปกป้อง" หรือ "ผู้เสียสละ"หรือ "พ่อ-แม่ คนที่สอง" 

 

ดังนั้น การเชิดชูเกียรติครูผู้เสียสละและการดูแลครอบครัวของพวกเขาในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ ที่เรามั่นใจว่า กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้ ธงนำของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ และ คณะฯ ต้องมีแผนดำเนินการให้ประจักษ์อย่างจริงจัง จึงจะส่งผลต่อ การจับมือเดินไปด้วยกัน ตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข อย่างแท้จริง  

 

ศธ.เผยประกันหมู่ จ่ายเยียวยา รถบัสไฟไหม้ ครู 8 หมื่น นักเรียน 1.6 แสน

 

กล่าวสำหรับ กรณีการเสียชีวิตของครู 3 ท่าน ในการปกป้องเด็กนักเรียนด้วยความกล้าหาญ อาจพิจารณาถึงการมอบเหรียญเกียรติยศระดับชาติ และการจัดพิธีรำลึกเพื่อเชิดชูเกียรติ ที่ควรได้รับการแสดงออกอย่างจริงใจจากภาครัฐ ตลอดสถานศึกษาโรงเรียน และ หน่วยงานราชการในชุมชน

 

 

โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ควรพิจารณาการตั้งชื่ออาคาร หรือ ห้องประชุม ตามชื่อของครูเหล่านี้ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ ที่ เด็ก เยาวชน และบุคลากรในวงการศึกษา จะได้จดจำและยกย่องความเสียสละนี้ตลอดไป

 

ในต่างประเทศมีหลายตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงการดูแลและการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ เพื่อเชิดชูเกียรติของครูผู้เสียชีวิตหรือผู้เสียสละครอบคลุม ทั้งการยกย่องทางสังคม การสนับสนุนทางการเงิน และการดูแลครอบครัวผู้เสียสละในระยะยาว

 

สหรัฐอเมริกา มีกรณีครูที่เสียชีวิตขณะปกป้องเด็กนักเรียนในสถานการณ์วิกฤต Sandy Hook Elementary School ในปี 2012 รัฐบาลได้มอบเหรียญกล้าหาญและมีพิธีรำลึกเพื่อให้เกียรติครูและเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนหลายคน ที่เสียชีวิตจากการพยายามปกป้องนักเรียนจากการกราดยิง

 

จากนั้น โรงเรียนหลายแห่ง มีการตั้งชื่อหอประชุม อาคาร หรือสนามกีฬา เพื่อเป็นเกียรติแก่ครูที่เสียชีวิต และสร้างสัญลักษณ์ความเสียสละให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ หากผู้เสียชีวิตมีครอบครัว จะมีการจัดตั้งมูลนิธิและกองทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว รวมถึงการมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานของครูและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ

 

ในสหราชอาณาจักร กรณีของ Grenfell Tower Fire คือ เหตุการณ์ไฟไหม้อาคารใน ปี 2017 มีครูที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากการพยายามช่วยนักเรียนและผู้อาศัยในอาคาร หลายคนได้รับการมอบเหรียญเชิดชูเกียรติระดับชาติ Queen's Gallantry Medal จากรัฐบาลอังกฤษ เพื่อเป็นการยกย่องครูและบุคคลที่ทำหน้าที่ อย่างกล้าหาญในการช่วยชีวิตผู้อื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

ตามมาด้วย การจัดตั้งกองทุน-โครงการช่วยเหลือครอบครัว ของผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งการฟื้นฟูทางจิตใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

  

ในออสเตรเลีย กรณีของครูและผู้เสียสละในเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่เรียกว่า Black Saturday Bushfires ในปี 2009 ซึ่งครูและเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหลายคนเสียชีวิตขณะทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กและผู้อื่น มีการสร้างอนุสรณ์สถานที่ตั้งอยู่ในสถานที่สาธารณะ หรือโรงเรียน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความเสียสละ

 

อีกทั้ง ตั้งโครงการช่วยเหลือทายาทของครูและผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะบุตรหลานที่ต้องการศึกษาต่อ มีการมอบทุนการศึกษาและการสนับสนุนทางการเงินในระยะยาว รวมถึงการดูแลด้านจิตวิทยาและสุขภาพจิตของครอบครัว

 

ในแคนาดา กรณีของครูที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุในระหว่างการทำงานหรือตอนที่ช่วยนักเรียนออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลได้ มอบเหรียญ Canadian Bravery Decoration แห่งเกียรติยศระดับประเทศ แก่ครูที่เสียชีวิตจากการช่วยเหลือนักเรียน ในฐานะวีรบุรุษ

 

อีกทั้งจัดพิธีรำลึกในชุมชนและโรงเรียน โดยบางครั้งโรงเรียนจะตั้งชื่อห้องเรียนหรืออาคารเรียนตามชื่อของครูที่เสียชีวิต เพื่อเชิดชูความกล้าหาญและความทุ่มเท

 

ในประเทศญี่ปุ่น มีแนวทางที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนในการจัดการกรณีที่มีการเสียชีวิตในหน้าที่ โดยเฉพาะทายาทครอบครัวของครูที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ จะได้รับการชดเชยอย่างครอบคลุมทั้งในรูปแบบของเงินชดเชยจากประกันชีวิตและการช่วยเหลือจากทางรัฐบาลในด้านสวัสดิการสุขภาพ

 

ญิ่ปุ่นจะให้ความสำคัญเป็กรณีพิเศษในระดับท้องถิ่น ด้วยการตั้งอนุสรณ์สถานหรือพิธีรำลึก ถึงความเสียสละของครูที่จากไป เป็นประจำทุกปี  

 

จากตัวอย่างที่ยกจะเห็นได้ว่า หลายประเทศไม่ได้หยุดเพียงแค่ดูแลสิทธิประโยชน์ของครูที่เสียชีวิต ที่พิจารณาขึ้นเงินเดือนประมาณ 3 ขั้น การให้เงินชดเชย หรือ ประกันชีวิต แต่ยังมีการให้เกียรติและดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่าง ๆ

  

สิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ครอบครัวรู้สึกว่าได้รับการดูแลเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความภาคภูมิใจ และเป็นตัวอย่าง การทำดี ย่อมได้ดี ต่อการสืบทอดเรื่องราวแห่งความกล้าหาญและความเสียสละให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และจดจำ