ผ่านมา 4 ปี หลังเนเธอร์แลนด์ ห้ามนักเรียนใช้สมารท์โฟน ไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียนทั่วยุโรป

 

ผ่านมา 4 ปี หลังเนเธอร์แลนด์ ห้ามนักเรียนใช้สมารท์โฟน ไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในโรงเรียนทั่วยุโรป 

 

Ivana Shteriova  : เขียน

24 กันยายน 2024

edunewssiam เรียบเรียงจาก CNN ภาพจาก AFP

 

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว Calvijn College ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาในอัมสเตอร์ดัม  ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในโรงเรียนแห่งแรก ๆ ในประเทศ ที่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ หลังจากรายงานผลในเชิงบวก ทำให้โรงเรียนอื่น ๆ ทั่วเนเธอร์แลนด์และยุโรปทำตามเช่นกัน

 

เรามาดูกันว่าผลลัพธ์ของกฎนี้เป็นอย่างไร

 

วิทยาลัยกัลแวน (Calvijn) ซึ่งสอนนักเรียนตั้งแต่อายุ 12-18 ปี เป็นสถานศึกษาแห่งแรก ๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นำกฎ “ห้ามนำสมาร์ตโฟน” มาใช้  และมีโรงเรียนบางแห่งในเนเธอร์แลนด์ได้ใช้กฎ “ห้ามใช้สมาร์ตโฟน” เช่นกัน

 

ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หลังจากครูจำนวนไม่น้อยและบุคลากรของวิทยาลัยกัลแวน เริ่มพิจารณาว่าจะห้ามใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนหรือไม่ ซึ่งทำให้ทั้งคณะครู ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนบางส่วนตกตะลึง

 

Jan Bakker (แจน แบกเกอร์ ) ประธานวิทยาลัยกัลแวน เคยกล่าวว่า “มีคนถามเราว่า เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุค 1800 หรือไม่”

 

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะสนับสนุนแนวคิดนี้ แต่ยังต้องเผชิญกับผู้ปกครอง ครู และนักเรียนประมาณ 20% คัดค้านแบบหัวชนฝา ผู้ปกครองบางคนเป็นกังวลว่า จะไม่สามารถติดต่อบุตรหลานของตนได้ในระหว่างวัน

 

ในขณะที่ครูจำนวนหนึ่งแย้งว่า การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ น่าจะดีกว่าการหลีกเลี่ยง

 

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนยังคงผลักดันนโยบายนี้ต่อไป แบกเกอร์ บอกว่า “เมื่อเดินผ่านทางเดินและสนามโรงเรียน คุณจะเห็นว่าเด็ก ๆ ทุกคนเล่นสมาร์ตโฟน การสนทนาหายไป โต๊ะปิงปองว่างเปล่า โดยพื้นฐานแล้ว เรากำลังสูญเสียวัฒนธรรมทางสังคม”

 

แบกเกอร์ ใช้เวลาราว 2 ปี ในการผ่านนโยบายดังกล่าว และห้ามใช้สมาร์ตโฟนมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยออกข้อบังคับให้นักเรียนทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้านหรือล็อกโทรศัพท์ไว้ในตู้ตลอดทั้งวัน

 

สำหรับนักเรียนในวิทยาลัยกัลแวน กระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ขณะที่แบกเกอร์และครูเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมในโรงเรียนอย่างระมัดระวัง

 

“โดยพื้นฐานแล้วพบว่าสิ่งที่เราสูญเสียไป เราก็ได้กลับคืนมา นักเรียนเล่นและพูดคุยกัน และมีการรบกวนในบทเรียนน้อยลงมาก” แบกเกอร์กล่าว

 

โรงเรียนอื่น ๆ ทั่วประเทศ เริ่มติดต่อมาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบของการห้ามดังกล่าว กระทั่งในเดือนมกราคม 2024 รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้เข้าร่วมการอภิปราย

 

และเรียกร้องให้โรงเรียนมัธยมศึกษาห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และสมาร์ตวอตช์ ในห้องเรียนทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ขานรับทำตามคำแนะนำ และขยายไปยังโรงเรียนประถมศึกษาในประเทศ อย่างกว้างขวาง 

 

เมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะที่โรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วเนเธอร์แลนด์ เตรียมปฏิบัติตามคำแนะนำ นักวิจัยจาก Radboud University ก็ใช้โอกาสนี้เปรียบเทียบผลก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงกฎ

 

พวกเขาสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครองหลายร้อยคน รวมถึงครูหลายสิบคนในโรงเรียน 2 แห่ง ที่มีแผนจะยกเลิกการใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนในเร็ว ๆ นี้ โดยไปเยี่ยมโรงเรียนอีกครั้งในช่วง 3 เดือน หลังจากมีการบังคับใช้ข้อห้ามดังกล่าว

 

นักเรียนประมาณ 20% รายงานว่า พวกเขามีสมาธิลดลงเมื่อไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนได้  ในขณะที่ครูมองว่า นักเรียนมีสมาธิและจดจ่อกับงานในชั้นเรียนมากขึ้น นักวิจัยบอกว่า “ดังนั้น ในแง่ของการทำงานทางสติปัญญา โดยรวมแล้ว เราคิดว่าเป็นเรื่องดี”

 

นักเรียนหลายคนยังรายงานว่า เนื่องจากนักเรียนใช้เวลาออนไลน์น้อยลง ทำให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในชีวิตจริงมากขึ้น และคุณภาพของปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ก็ดีขึ้น พวกเขายังพบว่าการกลั่นแกล้งบนอินเทอร์เน็ตลดลง

 

อย่างไรก็ตาม 3 เดือนหลังจากมีกฎห้าม นักเรียนบางคนยังไม่ยอมรับแนวคิดนี้ โดยประมาณ 40% กล่าวว่า การไม่ใช้โทรศัพท์ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับช่วงพักได้ดีขึ้นเมื่อไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว

 

ในขณะที่ 37% กล่าวว่า พวกเขาคิดถึงโทรศัพท์ ผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งบอกว่า “ฉันถูกบังคับให้เข้าสังคมเมื่อไม่อยู่ในอารมณ์ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง”

 

ส่วนแบกเกอร์และเจ้าหน้าที่วิทยาลัยกัลแวน พวกเขาแทบไม่สงสัยเลยว่า ข้อห้ามนี้เป็นเรื่องดีมีประโยชน์แก่เด็ก ๆ อย่างมาก

 

เมื่อเริ่มมีการบังคับใช้กฎครั้งแรก มีการพูดคุยกันว่า อาจอนุญาตให้นักเรียนที่โตสามารถนำโทรศัพท์กลับมาใช้ได้ในที่สุด แต่แนวคิดนี้ถูกยกเลิกหลังจากที่พวกเขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง

 

บักเกอร์บอกว่า “การพูดคุยเรื่องนั้นไม่มีอีกต่อไป ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว”

 

เขาเสริมว่า “เราเคยผ่านช่วงเวลาที่ผู้คนพูดว่าเราไม่ใช่โรงเรียนสมัยใหม่ เรากำลังย้อนเวลากลับไป แต่ทุกวันนี้มันตรงกันข้าม มันรู้สึกเหมือนเป็นการยืนยันที่ดีว่า ปัญหาที่เราเผชิญมาไม่ได้เกิดขึ้นโดยเปล่าประโยชน์”

 

กฎของวิทยาลัยกัลแวนไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป เพราะเรียนทั่วทั้งยุโรปจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังพิจารณากฎห้ามใช้สมาร์ตโฟน

 

นับเป็นข่าวดีในฝรั่งเศส โรงเรียนมัธยมศึกษา 200 แห่ง กำลังทดลองห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ในขณะที่โรงเรียนประถมศึกษาที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในเบลเยียม ได้ดำเนินการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือเช่นกัน

 

ในฮังการี เป็นประเทศที่เข้มงวดที่สุด ซึ่งห้ามใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ในโรงเรียนโดยสิ้นเชิง กฎหมายฉบับใหม่กำหนดให้โรงเรียนต้องเก็บโทรศัพท์และสมาร์ตโฟนของนักเรียนไว้ในตอนเช้าที่เริ่มเรียน

 

ในทางกลับกัน อิตาลีและกรีซ ใช้แนวทางที่เข้มงวดน้อยกว่า โดยห้ามใช้สมาร์ทโฟนในห้องเรียน แต่ให้เด็กนักเรียนพกโทรศัพท์มาโรงเรียนได้

 

Calvijn College รู้สึกภูมิใจที่แนวคิดที่ริเริ่มขึ้นได้รับความนิยมในเนเธอร์แลนด์และยุโรป  “เราเคยผ่านช่วงเวลาที่ผู้คนพูดว่าเราไม่ใช่โรงเรียนสมัยใหม่ แต่เรากำลังย้อนเวลากลับไป” แบ็กเกอร์ กล่าว

 

“ทุกวันนี้มันตรงกันข้าม รู้สึกเหมือนเป็นการยืนยันที่ดีว่าปัญหาที่เราเผชิญมาไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล” เขากล่าวสรุป

 

ถามกลับมายัง ผู้นำกระทรวงศึกษาธิการไทย กล้าคิด กล้าทำ กล้าเผชิญหน้ากับการท้าทายอย่างนี้ไหม