นายกฯ ชี้ "ศธ." งดทัศนศึกษา แก้ปลายเหตุ สั่งสังคายนารถสาธารณะใน 60 วัน พร้อมอนุมัติเงินเยียวยาทุกมิติ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มีมาตรการเยียวยาและการตรวจสอบกฎเกณฑ์ระเบียบการขนส่ง พร้อมกำชับให้วางแนวปฏิบัติในการเดินทางจะต้องมีการซักซ้อมความปลอดภัย และ คำแนะนำในการปฏิบัติตนเช่นเดียวกับการโดยสารเครื่องบิน
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งนักจิตแพทย์ ลงไปในพื้นที่แบ่งการทำหน้าที่กระจายไปให้ครอบคลุม
นางสาวแพทองธาร ย้ำด้วยว่า การทัศนศึกษาเป็นการเปิดโลกให้กับเด็ก ซึ่งไม่อยากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ การทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่มีการดูแลหรือถูกตรวจสอบสภาพ คือสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเรื่องนี้ต้องแก้ปัญหา
อีกทั้งยังได้มีข้อสั่งการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้านความเป็นอยู่และสภาพจิตใจ พร้อมทั้งขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้และ ขอความกรุณาสื่อมวลชนระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2567 เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากกรณีเกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาเกิดเพลิงไหม้ระหว่างเดินทางส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น จำนวน 23 ราย เป็นนักเรียน 20 ราย ครู 3 ราย จึงเห็นชอบมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา ดังนี้
1. กรณีเสียชีวิต เป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท
2. กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท
3. กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท
4. กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 100,000 บาท
นายสุริยะ กล่าวอีกว่านอกจากนี้ในส่วนทางบริษัทประกันภัยที่ทางกระทรวงฯ มีกฎหมายบังคับให้ทำประกันทุกครั้ง โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับเงิน 1 ล้านบาท ส่วนที่เพิ่มเติมของกองทุนช่วยเหลือฯ จะให้อีกรายละ 1 ล้านบาท (รวมเป็น 2 ล้านบาท) และจากกระทรวงยุติธรรมอีกส่วน รวมแล้วผู้เสียชีวิตแต่ละรายจะได้รับเงิน 2.4 ล้านบาท
จึงได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ส่งรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มายังกองทุนเงินช่วยเหลือฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการโอนเงินไม่เกินสัปดาห์หน้า
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม มีข้อสั่งการจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาเกิดเพลิงไหม้ ดังนี้
1. ให้กรมการขนส่งทางบกเรียกรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ( ก๊าซธรรมชาติอัด หรือ Compressed Natural Gas) ทั้งหมด เข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน
2. ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางให้เข้ารับการตรวจสภาพ เพื่อดูเรื่องการให้บริการ ถือเป็นการสังคยานารถโดยสารสาธารณะทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3. ให้กรมการขนส่งทางบกบูรณาการ ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสถานศึกษาทั่วประเทศ ในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือ รถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
4. พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรมและทดสอบการเผชิญเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้โดยสารตามหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management)
5. ออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน โดยเมื่อผู้โดยสารขึ้นรถพนักงานต้องให้การแนะนำการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินกรณีมีเหตุและเส้นทางการหนีภัย เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ให้พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้งดกิจกรรมทัศนศึกษาออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น
ส่วนตัวเห็น ว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นครูมาก่อนไม่เห็นด้วย เพราะการทัศนศึกษาเป็นบทเรียนหนึ่งและเป็นประสบการณ์ที่สำคัญของนักเรียน ไปแล้วก็มีความสุข จะไปแก้ที่ปลายเหตุไม่ได้ แต่ควรจำกัดว่าเด็กระดับชั้นใดควรจะไปในสถานที่ระยะเท่าใดบ้าง เช่น หากอยู่จังหวัดสุรินทร์ แล้วมาทัศนศึกษาที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เด็กก็เหนื่อย
ดังนั้น ควรจัดใกล้ๆ และควรแบ่งระยะตามลำดับชั้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการควรมีมาตรการในส่วนนี้มากกว่า รวมถึงพาหนะที่ใช้ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
นายครูมานิตย์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ตนไม่ได้โทษครู แต่หากทางกระทรวงศึกษาธิการต้องการควบคุมเรื่องนี้ ก็ต้องออกมาตรการมาควบคุม อย่างกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ เอาเด็กอนุบาลกับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มานั่งรถด้วยกัน ส่วนตัวมองว่าความต่างในระดับวัยมากเกินไปจนทำให้ไม่ได้ประโยชน์ ฉะนั้น ควรจัดให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย และย้ำว่ายังเห็นด้วยกับการให้เด็กไปหาประสบการณ์นอกห้องเรียน
ประธานกมธ.คมนาคม กล่าวว่า ทาง กมธ.ได้เชิญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เพื่อมาพูดคุยถึงปัญหาเนื่องจากเป็นเรื่องด่วนที่สังคมเคลือบแคลนอยู่หลายเรื่อง และจะต้องมีการสอบถามในชั้นกมธ. ทั้งเรื่องสถานที่ตรวจสอบสภาพรถ ว่า กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่
เช่น ถังแก๊สในรถที่มีการยื่นขออนุญาต 6 ถังแต่รถพบมีติด 11 ถัง และเชื่อว่ามีรถลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีกหลายพันคัน นอกจากนี้อยากให้หน่วยงานออกมาตรการสำรวจรถที่เกิดเหตุอย่างจริงจัง ซึ่งทางกมธ.จะลงพื้นที่ด้วย โดยจะไปดูสภาพและรายละเอียดการจดทะเบียน
“ผมเป็นห่วงว่าการที่รถคันดังกล่าวจดทะเบียนไม่ถูกต้อง จะทำให้บริษัทประกันมีปัญหาในการจ่ายชดเชยศพละ 1 ล้านบาท ซึ่งหากดูตามข้อกฎหมาย ดูแล้วคงยาก ในฐานะประธานกมธ. ขอยืนยันว่า เราจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน“ นายครูมานิตย์ กล่าว