'อรรถพล' เดินหน้าแก้ปัญหา ร.ร.เอกชนแสวงหากำไรเกินควร

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ กช. เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ตนได้รายงานที่ประชุม กช.รับทราบถึงการจัดทำร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของโรงเรียนเอกชน

เนื่องจากโรงเรียนเอกชนจะต้องจัดทำประกาศการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา เพื่อรายงานให้ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนรับทราบล่วงหน้าอย่างน้อยไม่เกิน 15 วันตามกฎหมาย

แต่ที่ผ่านมาพบว่า มีโรงเรียนเอกชนหลายแห่งไม่ได้มีการจัดทำประกาศดังกล่าว โดยบางแห่งทำประกาศแต่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรือบางแห่งจัดทำประกาศแต่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมอีกแบบหนึ่ง รวมถึงมีรายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาเป็นการเรียกเก็บซ้ำซ้อน ซึ่งเหมือนเป็นการแสวงหากำไรเกินควร และเป็นภาระแก่ผู้ปกครอง

ซึ่งที่ประชุม กช.ได้มีมติให้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยให้นำรายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศมาจัดหมวดหมู่ใหม่ และโรงเรียนจะต้องประกาศการจัดเก็บค่าธรรมเนียมอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งคาดว่าร่างประกาศดังกล่าวจะเร่งประกาศใช้ให้ทันในปีการศึกษานี้  

เลขาธิการ กช.เปิดเผยด้วยว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้แจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ กช.รับทราบเรื่องการดำเนินกิจการของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. เนื่องจาก สช.ได้รับร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมถึง 500,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่สูง

และยังมีการตั้งข้อสังเกตจากโซเชียลว่า โรงเรียนแห่งนี้ดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ สช.พบว่า โรงเรียนแห่งนี้ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญ กำหนดการรับนักเรียนไม่เกิน 200 คน มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้เรียนรายละ 500,000 บาท จริง

และยังมีการเปิดหลักสูตรเตรียมสู่การเป็นแพทย์ ตั้งองค์กรภายใน ไม่มีการบรรจุครู ซึ่งถือว่าดำเนินกิจการผิดกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่ สช.ลงพื้นที่ตรวจสอบ ทางโรงเรียนก็อ้างว่านำเด็กไปฝากเรียนไว้กับโรงเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นความผิดโดยสิ้นเชิง 

ดังนั้น สช.ในฐานะผู้อนุญาต จึงสั่งเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน จำนวน 60,000 บาท โดยให้ทางโรงเรียนแห่งนี้มาชำระค่าปรับที่ สช.ภายใน 30 วัน และให้ทางโรงเรียนยุติการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบโดยเร็ว  

“ขอประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน ผู้ปกครอง และสังคมรับทราบว่า สช.ไม่เคยอนุญาตให้โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนหลักสูตรพิเศษ และหากโรงเรียนยังไม่รีบดำเนินกิจการให้ถูกต้องภายใน 30 วัน สช.จะใช้มาตรการจัดการขั้นเด็ดขาดต่อไป” นายอรรถพล กล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)