ศธ.แถลง ร.ร.ส่วนใหญ่อยากสอน On-site คาดฉีดวัคซีนครูทันเปิดเทอม'64

"ตรีนุช" นำทีมแถลง ศธ.รวมพลังจัดการศึกษาปลอดภัยภายใต้วิกฤตโควิด-19 ระลอกสาม ปิ๊งเปิดเว็บ'ครูพร้อม' หวังเป็นคลังสื่อการเรียนรู้สำหรับ'ครู-น.ร.' เผยผลสำรวจ ร.ร.ส่วนใหญ่อยากสอน On-site "ปลัด ศธ." คาดฉีดวัคซีนครูทันก่อนเปิดภาคเรียน'64  


เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. และผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. ร่วมแถลงข่าว “ศธ.รวมพลังจัดการศึกษาปลอดภัยใต้วิกฤตโควิดระลอกสาม” 

น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า ตามที่ ศธ.ได้เลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษาในสังกัด เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกสาม ยังมีความรุนแรง เพื่อไม่ให้เด็กเสียโอกาสในการเรียนรู้ ผู้ปกครองมั่นใจในความปลอดภัยของบุตรหลาน ศธ.จึงได้เตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษา โดยได้วางแผนการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ

คือ ระยะที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 17-31 พ.ค.2564 ก่อนเปิดภาคเรียน 11 วันทำการ จะเป็นการเตรียมความพร้อมของทั้งครูและนักเรียน โดยมีการจัดกิจกรรมเสริมความรู้การจัดการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เช่น เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ถึงทักษะชีวิตที่จำเป็นจากเหตุการณ์ร่วมสมัย จัดการเรียนรู้ของจริง ประสบการณ์จริง เพื่อทำให้การเรียนรู้ของเด็กไทยต่อเนื่องไม่หยุดชะงักลง ซึ่ง ศธ.จะจัดทีมพี่เลี้ยงเพื่อให้คำปรึกษาแก่ครูในการจัดกิจกรรมตามแนวทางดังกล่าว โดยอาจเริ่มจากประเด็นการเรียนรู้ในเรื่องสถานการณ์โควิด-19 เป็นลำดับแรก 

สำหรับระยะที่สอง ตั้งแต่เปิดภาคเรียนที่ 1/2564 วันที่ 1 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป จะเป็นการจัดการเรียนรู้ 5 รูปแบบ คือ On-site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.), On-air เรียนผ่าน DLTV, On-demand เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ, On-line เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต , On-hand เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัดใบงาน และในรูปแบบผสมผสาน หรืออาจใช้วิธีอื่นๆ เช่น วิทยุ เป็นต้น

"อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า สถานศึกษาส่วนใหญ่จะเน้นการเรียนการสอนที่โรงเรียน หรือ On-site" 

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า การจัดการศึกษาภายใต้วิกฤตโควิด-19 ทุกหน่วยงานในสังกัด ศธ. ภาคเอกชนและผู้ปกครองจะทำงานร่วมกัน โดยการจัดกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมครูและนักเรียน จะมีทั้งแบบ On-line เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต และแบบ Off-line เรียนที่บ้าน โรงเรียน หรือชุมชน เพื่อเป็นทางเลือกให้แต่ละโรงเรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม 

โดยเป็นกิจกรรมที่นักเรียนและผู้ปกครองสมัครใจ ไม่มีการให้คะแนนผ่าน/ไม่ผ่าน การจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งตนขอเน้นย้ำว่า นักเรียนทุกคนต้องไม่พลาดโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร

สำหรับการจัดกิจกรรมแบบ On-line นั้น ขณะนี้ ศธ.เตรียมจัดทำ Web Portal หรือเว็บครูพร้อม ขึ้นมาใหม่ เพื่อเสริมแพลตฟอร์มต่างๆ ที่หน่วยงานในสังกัด ศธ.มีอยู่ โดยจะเป็นคลังสื่อ ข้อมูลการเรียนรู้ ตลอดจนรูปแบบการจัดกิจกรรม

ซึ่งมีข้อมูลทั้งของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.), สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)

แบ่งเป็นหัวข้อ-หมวดหมู่ตามความสนใจ เป็นการบูรณาการเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนทุกกลุ่ม ครู ผู้บริหาร และผู้ปกครอง สามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบกลาง

ส่วนกิจกรรมรูปแบบ Off-line นั้น สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะเป็นผู้ออกแบบกิจกรรมร่วมกับ ศบค.จังหวัด ซึ่งคิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ร่วมสมัย และที่สำคัญคือทุกคนสามารถเลือกหัวข้อ หรือกิจกรรมที่ต้องการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

น.ส.ตรีนุชกล่าวถึงการอบรมพัฒนาสมรรถนะครูแต่ละหน่วยงานในสังกัดได้เตรียมจัดหลักสูตรอบรมให้เหมาะสม เช่น สพฐ.เน้นเรื่องการพัฒนาครู โดยครู เพื่อคุณครู ภายใต้โครงการ OBEC 2021 WEBINAR "การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ยุคปกติใหม่ : มุมมองของผู้บริหาร นักวิชาการ และครู" ในวันที่ 17-21 พ.ค.2564 ทาง OBEC CHANNEL

ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สพฐ.ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการวิจัยสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลุ่มชุมชนคุณครูของ สพฐ.ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญที่มารวมตัวกันเพื่อช่วยพัฒนา แบ่งปันประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีให้แก่คุณครูด้วยกันในการใช้เครื่องมือดิจิทัลร่วมกับศาสตร์การสอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการชั้นเรียน เกิดประโยชน์สูงสุดในการเรียนรู้ของผู้เรียน บนพื้นฐานความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ และการเป็นพลเมืองดิจิทัล

รวมทั้งในวันที่ 17-31 พ.ค.2564 สอศ.จะดำเนินการอบรมพัฒนาครู โดยเน้นเรื่องการพัฒนาสมรรถนะครูด้วยเนื้อหาที่ทันสมัย ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาช่วยสนับสนุนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนได้นำไปประกอบอาชีพ

นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ ที่เหมาะสมเป็นประโยชน์จากคุณครูที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อเป็นช่องทางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง ผ่านช่องทางที่เชื่อมต่อสู่เว็บไซต์ครูพร้อม เพื่อให้ครูที่พร้อมแล้วได้มาช่วยเหลือแบ่งปันเพื่อนครูด้วยกัน

"โครงการของครูพร้อม เกิดจากความห่วงใยว่าเมื่อเลื่อนการเปิดเรียนไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายนแล้ว ในช่วงเวลา 11 วันทำการ ก่อนเปิดภาคเรียน ก็ถือเป็นเวลาที่มีค่าที่จะเป็นทางเลือกให้กับครู ผู้ปกครอง นักเรียน ได้มีโอกาสเข้าถึงกระบวนการการเรียนรู้ที่จัดไว้ 2 รูปแบบทั้ง Online และ On-Site โดยในด้าน On-Site ในพื้นที่ อาจเป็นการจัดการเรียนรู้ทักษะชีวิตซึ่งไม่ได้อยู่ในตำรา โดยนำสถานการณ์จริงมาใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Active Learning จำลองกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นรูปแบบของการส่งเสริมหลักสูตรสมรรถนะ ซึ่งจะมีการใช้ในปีการศึกษาหน้า"

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ศธ.ได้ถอดบทเรียนการจัดการศึกษาในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านมา มีการทบทวนและต่อยอดรูปแบบการจัดการเรียนการสอนทั้ง 5 รูปแบบดังกล่าว เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม การที่โรงเรียนจะใช้รูปแบบใดในการจัดการเรียนการสอนนั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อในแต่ละจังหวัดก่อน

"ทั้งนี้ ได้มีการมอบหมายให้สำนักงานปลัด ศธ.วางระบบติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะต้องไม่เป็นภาระกับสถานศึกษา ทั้งนี้ ศธ.มีความมั่นใจและรับประกันได้ว่า เมื่อเปิดภาคเรียนวันที่ 1 มิถุนายนนี้แล้ว เด็กทุกคนจะได้เรียนอย่างมีคุณภาพครบตามที่หลักสูตรกำหนด" น.ส.ตรีนุช กล่าว

ด้าน นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า เนื่องจาก ศธ.มีนักเรียน นักศึกษาในสังกัดมากกว่า 8 ล้านคน จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจได้รับเชื้อโควิด-19 จึงพยายามผลักดันให้ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันก่อนเปิดภาคเรียนวันที่ 1 มิถุนายนที่จะถึง ซึ่ง ศธ.ได้เสนอเรื่องนี้ให้ ศบค.ชุดเล็กพิจารณาและให้ความเห็นชอบไปแล้ว 

ขณะนี้ ศธ.กำลังรวบรวมรายชื่อครูทุกอำเภอทุกสังกัด ส่งให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดสรรวัคซีนให้กับครูทั้ง 6 แสนคน คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสัปดาห์นี้ และพร้อมทยอยฉีดได้ทันก่อนเปิดภาคเรียน

"ศธ.ขอความร่วมมือจากทั้งครูและนักเรียนได้โปรดหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงโดยไม่มีความจำเป็น เพราะหากครูหรือนักเรียนคนใดติดเชื้อจะส่งผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอน จึงขอให้ปฎิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด" ปลัด ศธ. กล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)