สพฐ.จัดจับสลากเด็กพื้นที่บริการ ร.ร.เข้า ม.1 ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ ได้จัดการจับสลากรับนักเรียนที่พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2564 โดยให้ผู้ปกครองมาจับสลากแทน ภายใต้มาตรการป้องกันโรคของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และ สพฐ.

ซึ่งเป็นไปตามที่ สพฐ.ได้ปรับปฏิทินการรับนักเรียนปีการศึกษา 2564 โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้มากที่สุด โดยมีการเลื่อนปฏิทินการรับนักเรียนฉบับใหม่จากปฏิทินเดิม 2 สัปดาห์

เช่นการจับสลากที่โรงเรียนปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มี ดร.สุภัคพร นิธิพัฒนกาญจน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ผอ.สพม.) 3 ปฏิบัติหน้าที่รอง ผอ.สพม.นนทบุรี เข้าร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการจับสลากของโรงเรียนปากเกร็ด ซึ่งเป็นไปอย่างเคร่งครัดตามมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19

โดยให้ผู้ปกครองมาจับสลากได้เพียงคนเดียว สวมหน้ากากอนามัย และใส่ถุงมือในการเข้าจับสลาก รวมทั้งมีการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ ที่โรงเรียนปากเกร็ดมีนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนที่มีสิทธิ์จับสลากเข้าเรียนชั้น ม.1 จำนวน 88 คน โดยมาจับสลากจริง 87 คน ทางโรงเรียนปากเกร็ดสามารถรับได้จำนวน 53 คน

ทั้งนี้ สำหรับเด็กๆ ที่ยังไม่มีที่เรียน ผู้ปกครองสามารถยื่นความจำนงให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ใกล้บ้าน จัดหาที่เรียนให้ในช่วงวันที่ 25-27 พ.ค. ประกาศผลวันที่ 29 พ.ค. และมอบตัววันที่ 30 พ.ค.2564

โดยทาง สพฐ.ได้มอบหมายให้ สพท.ทุกเขตพื้นที่สำรวจที่ว่างของทุกโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองสามารถพานักเรียนไปยื่นความจำนงได้ สพท. หรือจะยื่นผ่านทางระบบออนไลน์ก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงโรคโควิด-19

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวย้ำก่อนหน้านี้ว่า ขอยืนยันว่าเด็กๆ จะมีที่เรียนทุกคน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าลูกหลานจะไม่มีที่เรียน เพราะ สพท.ต่างๆ จะดำเนินการจัดหาที่เรียนให้ตามปฏิทินที่กำหนด เพื่อให้สามารถเริ่มเรียนได้ทันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)