ครม.อนุมัติ 2.2 หมื่น ล.เยียวยา น.ร.คนละ 2 พัน พร้อมอัดฉีด ร.ร. 400 ล.

 

 

'ตรีนุช'อมยิ้ม ครม.อนุมัติ 2.2 หมื่นล้านบาท

เยียวยา น.ร.สามัญ-อาชีวะคนละ 2 พัน 

อัดฉีดค่าใช้จ่าย 3.5 หมื่น ร.ร. 400 ล.

 

ครม.ไฟเขียว 3 มาตรการ ศธ. ชงให้ความช่วยเหลือผู้ปกครอง นักเรียน บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงโควิด-19 ระบาด นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกสังกัด รับเงินเยียวยาคนละ 2 พันบาท พร้อมอัดฉีดค่าใช้จ่ายให้กับ 34,887 ร.ร.

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของ ศธ.ใน 3 มาตรการ ใช้วงเงินงบประมาณรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท 

ได้แก่ มาตรการที่ 1 ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ม.6 และระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณี ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร รวมประมาณ 11 ล้านคน ใช้วงเงินงบฯราว 21,600 ล้านบาท

มาตรการที่ 2 การขอความร่วมมือให้กลุ่มโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชน กลุ่มโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ เพื่อใช้มาตรการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 32 และ 34 ของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 เป็นรายกรณี

มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีการศึกษา 2564 ได้

พร้อมกันนี้จะมีโรงเรียนในสังกัด ศธ.จำนวน 34,887 แห่ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนรู้ และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งใช้จัดทำสื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ รวมวงเงินประมาณ 400 ล้านบาท

รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ได้ยึดหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้เรียน ทั้งในสถานศึกษาทั่วไป ด้อยโอกาส ยากจน และกลุ่มเด็กพิการ

และจากมติ ครม.ในครั้งนี้ จะทำให้ผู้เรียนทุกกลุ่มได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและการดำรงชีพ ทำให้มีความพร้อมในการเรียนในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันสถานศึกษาก็ได้รับการสนับสนุน เพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้ เพื่อลดช่องว่างการเรียนรู้และผลกระทบด้านความรู้ของนักเรียน นักศึกษาที่ขาดหายไป

"ตลอดจนในส่วนของผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ได้รับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานเพิ่มเติมมากขึ้น" 

รวม.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า กลุ่มนักเรียน นักศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสังกัด ศธ.และนอกสังกัด ศธ.ที่ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาท จำนวนรวมเกือบ 11 ล้านคนทั่วประเทศ ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชนที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ 9.8 ล้านคน

ส่วนสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.มีทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคน ประกอบด้วย สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.), กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร และสังกัดเมืองพัทยา

 

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)