เสวนากับบรรณาธิการ วันที่ 25 สิงหาคม 2564
เปิดรายละเอียด! จ่ายเงินเยียวยา น.ร.
11 ล้านคน รวม 2.2 หมื่นล้านบาท
พิสูจน์ฝีมือ "สพฐ.-ศธ."
วิชเทพ ฦาชาฤทธิ์ : บรรณาธิการ
❝...หากผู้ปกครองมีบัญชีธนาคาร ก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองได้โดยตรง หากใช้วิธีโอนเงินไม่ได้ ให้โรงเรียนบริหารจัดการผ่านครูประจำชั้น ในการออกแบบการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครอง เช่น นัดหมายผู้ปกครองเข้ามารับเงินสดที่โรงเรียน โดยให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อเป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน... ❞
หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเม็ดเงิน จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการเยียวยาฯ นักเรียน ที่อยู่ในระบบสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้กลายเป็นประเด็นอยู่ก่อนหน้านี้ติดต่อกันมาตลอด ถึงวิธีการปฏิบัติและขั้นตอนเพื่อนำ ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย 11 ล้านคน ที่ ศธ.สัญญาจะโอนให้คนละ 2,000 บาท ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ นี่ก็เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน...
รวมไปถึงการสนับสนุนอินเตอร์เน็ตสำหรับการเรียนออนไลน์ และ มาตรการสำหรับครู เพื่อการลดสิ่งไม่จำเป็นต่างๆ เพื่อให้ครูมีเวลาดูแลนักเรียน ทั้งนี้ยังมีมาตรการช่วยลดภาระผู้ปกครองด้วย นั้น
ในเรื่องนี้ขอเน้นไปที่โครงการเงินเยียวยาฯ นักเรียนที่อยู่ในระบบ สังกัด ศธ. ที่มีนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และคณะผู้บริหาร กำกับดูแลรับผิดชอบ ยืนยันล่าสุดตรงกันว่า
ขณะนี้ สพฐ.เตรียมความพร้อมไว้แล้ว รอแค่การโอนเงินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาถึงเท่านั้น และทันทีที่ได้รับเงินงบฯจำนวนดังกล่าว ก็พร้อมส่งต่อเปิดกว้างให้แต่ละสถานศึกษา บริหารจัดการให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ทันที
และเพื่อให้เกิดความคล่องตัว จึงมีทั้งการจ่ายผ่านทางธนาคาร หรือ รับเงินสด ซึ่งผู้ปกครองจะได้รับเงินเยียวยาภายใน 7 วัน แน่นอน ตามนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของผู้ปกครอง
ฟังท่านเลขาธิการ สพฐ.กล่าวแล้ว ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง มั่นใจได้ว่าคงไม่ทำให้ใครผิดหวังหรือทิ้งใครตกหล่น โดยพิจารณาจากข้อมูลและกระบวนการที่วางไว้ ดังนี้
เนื่องจาก สพฐ.มีระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายคนในภาคเรียนที่ 1 ที่มีตัวตนในโรงเรียนจริง ในวันที่ 10 มิถุนายน ปีการศึกษา 2564 (และกำหนดนับยืนยันตัวตนนักเรียนอีกครั้งวันที่ 25 มิถุนายน) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลพื้นฐานสำคัญที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลระบบสารสนเทศอื่นของ สพฐ. ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมระบบบริหารจัดการสถานศึกษา ระบบสารสนเทศเพื่อบริหารการศึกษา ปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน และระบบอื่นของสพฐ.
อีกทั้ง สพฐ.ได้มีหนังสือย้ำเพื่อสร้างความเข้าใจไปถึง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก ผู้บริหารและผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ต้องอยู่สถานที่ ในช่วง 7 วันดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกันทางส่วนกลาง สพฐ.เอง ก็ตั้งคณะขึ้นมาช่วยแก้ปัญหาด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกหลากหลายประเด็นที่ได้เห็นได้ฟังจากสื่อ ในเรื่องเอกสารตามระเบียบข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องทางราชการ ต่าง ๆ ไปยืนยันแสดงตัวตนเพื่อรับสิทธิก็ดี ตลอดข้อมูลที่อาจมีความคลาดเคลื่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาและความหวาดหวั่นในผู้ปกครอง ผู้บริหารสถานศึกษา จะช่วยวินิจฉัยตัดสินใจได้ ซึ่งจะมีการบันทึกไว้ตามระเบียบอยู่แล้ว
เนื่องจาก ครู ผู้มีหน้าที่สอน แต่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลเรื่องการเยียวยานักเรียนคนละ 2,000 บาท ในสถานศึกษาต่าง ๆ อาจมีความกังวลสับสน ไม่มั่นใจ หากเกิดความผิดพลาดพลั้งไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อประวัติชีวิตและราชการแน่ ๆ
จึงทำให้บรรดาคุณครูหรือบุคลากรผู้ปฏิบัติต่างสะท้อนออกมาดังที่ สำนักข่าวการศึกษา edunewssiam เคยนำเสนอมาให้เห็นก่อนหน้านี้ไปแล้ว
รวมไปถึง การเรียกร้องถึงข้อเสนอของครูผู้ปฏิบัติ ขอความชัดเจนในขั้นตอนและวิธีการ จะได้ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน แม้แต่เรื่องเงินต้องให้ รร.ไปเปิดบัญชีใหม่ เพื่อรับโอนเงินจาก สพฐ. ทำให้โรงเรียนต้องเสียเวลาทั้ง ๆ ที่ ร.ร.มีบัญชีกระแสรายวันอยู่แล้ว หรือ โรงเรียนก็สามารถจ่ายเป็นเงินสดให้ผู้ปกครองได้ไหม
เรื่องนี้มีคำตอบในแนวทางของการจ่ายเงิน สพฐ.กำหนดไว้ 2 แนวทาง
แนวทางที่ 1 หากผู้ปกครองมีบัญชีธนาคาร ก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองได้โดยตรง
แนวทางที่ 2 หากใช้วิธีโอนเงินไม่ได้ ให้โรงเรียนบริหารจัดการผ่านครูประจำชั้น ในการออกแบบการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครอง คือ เช่น นัดหมายผู้ปกครองเข้ามารับเงินสดที่โรงเรียน โดยให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อเป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน
แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคของ ศบค.
สำนักข่าวการศึกษา edunewssiam ได้ติดตามสอบถามความชัดเจนถึงแนวทางข้อปฏิบัติจาก เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สรุปได้ว่า
นักเรียนที่จะได้รับเงินเยียวยา ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนนักเรียนของโรงเรียนที่ได้ลงข้อมูลไว้ ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 เมื่อมีรายชื่อเป็นนักเรียน อยู่ที่โรงเรียนใด สพฐ.ก็จะจัดสรรเงินไปตามรายชื่อของนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนนั้น ๆ โดยโรงเรียนจะจ่ายเงินให้เฉพาะนักเรียนที่มีตัวตนจริง
ส่วนนักเรียนที่ไม่มีชื่อในทะเบียน ในวันที่ 25 มิ.ย. แต่มาเรียนเพิ่มเติมในโรงเรียนนั้น ซึ่งนักเรียนจะยังมีชื่ออยู่ที่โรงเรียนเดิม ทางโรงเรียนใหม่จะต้องเพิ่มชื่อนักเรียนเข้าไป แล้วรายงานไปยังสำนักงานเขตฯ ในส่วนนี้ทางโรงเรียนจะยังไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ จนกว่าสำนักงานเขตฯ จะเคลียร์ข้อมูลให้เรียบร้อย จึงจะอนุมัติการจ่ายเงินได้
โดยสรุปคือ ทุกโรงเรียนต้องสำรวจรายชื่อนักเรียนของตนเองว่า ยังมีชื่ออยู่ในโรงเรียนครบถ้วนหรือไม่ และยังมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หากมีครบไม่ได้ย้ายออกไปไหน ถือว่าจบไม่มีปัญหา
แต่หากมีย้ายออกไปก็ให้โรงเรียนกรอกข้อมูลเข้ามาว่าเด็กย้ายไปอยู่ที่ไหน หรือหากมีเด็กย้ายเข้ามาก็ให้กรอกข้อมูลว่ารับย้ายมาจากที่ไหนด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การจ่ายเงิน 2,000 บาท จะจ่ายตามจำนวนนักเรียน เช่น หากผู้ปกครองมีบุตรหลานเรียนอยู่ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (อนุบาล-ม.6) จำนวน 1 คน ก็จะได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาท แต่หากมีบุตรหลานเรียนอยู่ จำนวน 3 คน ก็จะได้รับเงินรวม 6,000 บาท
โดยคนที่จะรับเงินเยียวยา มีหลักว่า หากนักเรียนอยู่กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็คือ พ่อ-แม่
แต่หากนักเรียนอยู่กับญาติ ผู้ปกครอง ก็คือ ญาติที่นักเรียนอาศัยอยู่ด้วย
ซึ่งครูประจำชั้นต้องรู้ข้อมูลในส่วนนี้ คือ ผู้ปกครอง
หากเด็กอยู่กับมูลนิธิ หรือ อยู่บ้านพักเด็ก ทางโรงเรียนก็สามารถจ่ายเงินเยียวยาให้กับนักเรียนโดยตรงได้ โดยระบุว่า เด็กคนนี้อยู่บ้านพักเด็ก ที่ไหน หรืออยู่กับมูลนิธิอะไร เพื่อเป็นการยืนยันว่า เด็กอยู่กับใครและเงินถึงมือเด็กหรือไม่
ขณะนี้ สพฐ. อยู่ในช่วงพร้อมเต็มพิกัด หากเงินลงมาถึงโรงเรียนเมื่อใด ก็อยากให้เงินถึงผู้ปกครองภายใน 3 วัน โดยให้โรงเรียนถือปฏิบัติตามแนวทางในหนังสือฉบับใหม่ที่ได้ส่งไปแล้ว โดยแจ้งว่าในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ต้องเปิดบัญชีใหม่เพื่อรองรับ ส่วนโรงเรียนจะมีการซักซ้อมวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจตรงกันอีกครั้งหนึ่ง
ย้ำว่าเมื่อ สพฐ. ได้รับเงินจัดสรรเมื่อใดก็จะโอนเงินไปยังบัญชีของสำนักงานเขตฯ ภายในวันเดียวกันนั้น และให้เขตฯโอนต่อไปยังโรงเรียนภายใน 3 วัน เมื่อถึงบัญชีโรงเรียนแล้ว ขอให้โรงเรียนโอนเงินหรือจ่ายเงินถึงมือผู้ปกครองภายใน 3 วันเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วทั้งกระบวนการขอให้จบภายใน 7 วัน
แต่ในขณะนี้ สพฐ. ยังไม่ได้รับเงินจัดสรรจากกระทรวงการคลังมาถึงกระทรวงศึกษาธิการ จึงยังไม่มีเงินลงไป
ทั้งนี้ นักเรียนและผู้ปกครองที่มีบุตรหลานกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน สังกัด สพฐ. สามารถตรวจสอบสถานะการมีสิทธิ์ตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา (COVID-19) ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ได้แล้ว ที่เว็บไซต์ https://student.edudev.in.th
โดยจะต้องมีข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนและเลขประจำตัวนักเรียน ที่โรงเรียนรายงานเข้ามาในระบบและยืนยันข้อมูล ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2564 ( กรณีที่มีการย้ายสถานศึกษาหลัง วันที่ 25 มิ.ย. 2564 ให้ใช้เลขประจำตัวของโรงเรียนเดิมจึงจะพบสิทธิ์ และนักเรียนที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์หรือเกินเกณฑ์ จะยังไม่ได้รับสิทธิ์ในรอบนี้ )
แจงถี่ยิบถึงรายละเอียดการจ่ายเงินเยียวยาขนาดนี้ อาจอิงเข้ากับสำนวนที่ว่า “ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ” คือ ออกทะเลอย่าประมาททะเล เพราะอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ก็มีเสียงร้องออกมาอีกว่า... “ไปกันใหญ่แล้ว เอกสารประกอบขอเงินช่วย 2,000 บาทโรงเรียนเดียวกัน แต่คนละชั้นต้องการไม่เหมือนกัน เช่น ชั้นนึงจะเอาแนวตั้ง อีกชั้นนึงต้องเป็นแนวนอน สำหรับบัตรประชาชน ชั้นนึงต้องการด้านหน้า อีกชั้นต้องการทั้งหน้าหลัง Book Bank เหมือนกัน อีกชั้น ต้องการหน้าที่บอกเลขบัญชี อีกชั้นต้องการทั้งหมดเลย กรรมจริง ๆ ฮึ ๆ แบบนี้ นี่เอง ทำโอกาส ให้เป็นวิกฤต ได้ทุกระดับจริง ๆ”
และล่าสุด ก็มีข่าวหลุดออกมามาอีกว่า... “ ก.คลัง เพิ่งจะออกระเบียบว่า ให้โอนเงินเยียวยาสองพันเข้าบัญชีเท่านั้นไม่ให้จ่ายเงินสด ลองหลับตานึกดูกันเอาเองเถิดว่า ผปค.จะมีบัญชีเงินฝากกันกี่คน และบางคนอยู่ไกลต้องเดินทาง 1 วันมาเปิดบัญชีอีกราวห้าล้านคน และ ต้องกรุงไทย เท่านั้น...หากเป็นจริงดังว่า จะเป็นเรื่องงี่เง่าที่สุด ”
“...หากเป็นเช่นนั้นจริง ลองคิดเล่น ๆ ดู ว่า เปิดบัญชีใหม่ต้องใช้ คนร.ร.ละ 3 คน อำเภอหนึ่งมี 120 ร.ร.=120×3=360 คิดดูว่าคนจะไปรวมกันจำนวนที่ ธนาคาร ความเสี่ยง ความปลอดภัย หากเกิดคัลเตอร์ใหม่ละ ไม่อยากคิดเลย” เป็นเสียงที่เคยสะท้อนออกมาก่อนหน้านี้
อย่างน้อย นายสุภัทร์ จำปาทอง ปลัดศธ. ยังแจงขั้นตอนยืนยันการจัดสรรเงินเยียวยานักเรียน 22,000 ล้านบาท ทุกคน ตั้งแต่วันที่ 5 เป็นต้นไป ทุกสังกัด 2,000 บาท/คน สพฐ. โอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครอง สอศ. ผู้ปกครอง รับเงินสดที่วิทยาลัย สช. ผู้ปกครองรับเงินสดที่โรงเรียน หรือรับเข้าบัญชี ตั้งแต่วันที่ 7 กศน. ผู้ปกครองรับเงินสด จาก กศน.อำเภอ หรือ ศชช. ตั้งแต่วันที่ 7 เป็นต้นไป เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมสพฐ.ที่ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษา ผอ.เขตพื้นที่ฯ ต้องอยู่ ณ ที่ทำการ และจัดเจ้าหน้าที่ สามารถตอบคำถาม แก้ปัญหา ให้คำแนะนำ ประจำไว้ที่ศูนย์คอลเซ็นเตอร์ รับเรื่องราวที่อาจจะมี ทั้งในส่วนกลาง ศธ.และทุกเขตพื้นที่การศึกษา
ซึ่ง 7 วัน สำคัญในการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยา ล้วนมีความหมายและพิสูจน์ถึงศักยภาพ คุณภาพของคน สพฐ.และศธ. ได้ดีที่สุด
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)