ธนุ.”แจงชัด”ปรับหลักสูตรเป็นเพียงแนวคิด เล็งระดมความคิดเห็น สู่การปรับปรุงพัฒนา เพื่อคุณภาพ โดยไม่เพิ่มภาระให้ครู - นักเรียน

 

 

ธนุ.”แจงชัด”ปรับหลักสูตรเป็นเพียงแนวคิด เล็งระดมความคิดเห็น สู่การปรับปรุงพัฒนา เพื่อคุณภาพ โดยไม่เพิ่มภาระให้ครู - นักเรียน

 

 ...ตนมองหลักสูตรที่เราใช้ปัจจุบัน คือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ซึ่งต่อยอดจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งใช้มาเป็นเวลานานแล้ว จึงมีแนวคิดที่จะตั้งทีมขึ้นมาวิเคราะห์ว่า หากจะใช้หลักสูตรนี้ต่อไป โดยให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและในอนาคต หลักสูตรที่เหมาะสมจะต้องเป็นอย่างไร...

  

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา รักษาราชการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยถึง ตามที่มีข่าวว่าจะมีการร่างนโยบายที่จะปรับหลักสูตรและการเรียนรู้ให้ทันสมัย จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) จะมีการนำหลักสูตรฐานสมรรถนะมาใช้นั้น โดยนำนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มาจัดทำร่างนโยบายและจุดเน้นปี 2567 -2568 จำนวน 11 ข้อ นั้น ประกอบด้วย...

 

1. ปลูกฝังความรักในสถาบันหลักของชาติ และ น้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ 2. ส่งเสริมการอ่าน 3. ส่งเสริม สนับสนุนความปลอดภัยในสถานศึกษา 4. เพิ่มโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 5. ปรับปรุงหลักสูตร และการเรียนรู้ให้ทันสมัย 6. จัดการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) 

 

7. จัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ 8. พัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษา 9. เสริมสร้างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดผู้บำเพ็ญประโยชน์ รักษาดินแดน จิตอาสา ชุมนุม ชมรม) 10. ลดภาระการประเมินของสถานศึกษา 11. จัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์หน้าที่พลเมือง ศีลธรรมและประชาธิปไตย

 

ทังนี้ เพื่อมุ่งให้ สพฐ.เป็นองค์กรคุณภาพ สร้างคนดี มีความสุข สอดคล้องกับนโยบาย เรียนดี มีความสุข ของ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

โดยเลขาธิการ กพฐ. ยกตัวอย่าง 1 ในนโยบายและจุดเน้น ของ สพฐ. คือ ข้อที่ 5 ปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนรู้ให้ทันสมัย ซึ่งเป็นการนำเอาแนวคิดที่จะดำเนินการให้สอดรับตามนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล ที่ให้มีการจัดทำหลักสูตรและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับความรู้ความสนใจของผู้เรียน คือ "เน้นปรับปรุงต่อยอดพัฒนา เพื่อทำให้ดีขึ้น" ไม่ใช่ปรับซึ่งหมายถึง เปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก จึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน

    

ดังนั้น ในการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนรู้ให้ทันสมัย จึงได้มอบหมายให้ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. ไปทำประชาพิจารณ์ และเชิญผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชน อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษาครู รวมถึงผู้ผลิตแบบเรียน เป็นต้น มาให้ความเห็น

 

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ตนมองหลักสูตรที่เราใช้ปัจจุบัน คือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ซึ่งต่อยอดจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งใช้มาเป็นเวลานานแล้ว จึงมีแนวคิดที่จะตั้งทีมขึ้นมาวิเคราะห์ว่า หากจะใช้หลักสูตรนี้ต่อไป โดยให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและในอนาคต หลักสูตรที่เหมาะสมจะต้องเป็นอย่างไร

 

จึงมอบหมายให้ ดร.เกศทิพย์ ซึ่งดูแลด้านงานวิชาการของ สพฐ.เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันคิด วิเคราะห์ และออกแบบหลักสูตรรวมถึงพัฒนาการเรียนการสอนที่ต้องปรับให้เป็นแบบ Active Learning ที่สอดคล้องเหมาะสมกับการพัฒนาเด็กในปัจจุบันและมองถึงอนาคตที่ควรจะเป็นด้วย

 

“จากนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล รวมถึงนโยบายและจุดเน้น ของ สพฐ.เรื่องการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอนให้ทันสมัย ผมจึงคิดว่า ถ้าจะต้องปรับทั้งหลักสูตรและการเรียนการสอน ก็ควรดำเนินการไปพร้อมกัน โดยฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนและคุณภาพผู้เรียนให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาทั้งในปัจจุบันและอนาคต”  เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

 

ทั้งนี้ ให้นำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 มาวิเคราะห์ด้วยว่า ที่เรานำร่องใช้ไปแล้วดีหรือไม่อย่างไร จุดไหนจะต้องมีการปรับปรุงพัฒนาแก้ไขเพิ่มเติมก็ให้เสนอขึ้นมา แต่จะต้องไม่ทิ้งการเรียนการสอนแบบ Active Learning ที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง

 

และที่สำคัญการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอนจะต้องไม่เพิ่มภาระให้ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ตามเจตนารมณ์ นโยบายเรียนดี มีความสุข ของ รมว.ศึกษาธิการด้วย” ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าว

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage