‘ธนุ’ห่วงเหตุอาคารเรียนทรุดตัว กำชับทุกแห่งประเมินสภาพป้องกันเหตุร้าย ย้ำสถานศึกษาต้องปลอดภัย
รายงานผู้สื่อข่าว จากจังหวัดชลบุรี จากเหตุการณ์พื้นห้องเรียนในอาคารเรียนเก่าอายุ 47 ปีของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.กุฏโง้ง อ.พนัสนิคมจ.ชลบุรี เกิดการทรุดตัวและพังถล่มลงสู่พื้นด่านล่างที่มีน้ำขังอยู่ ซึ่งหลังเกิดเหตุทั้งครูและเพื่อนนักเรียนได้ให้การช่วยเหลือนำตัวขึ้นจากพื้นด้านล่างและได้ดูแลนำส่งโรงพยาบาลพนัสนิคม จำนวน 2 ราย ซึ่งบาดเจ็บเล็กน้อยแล้วนั้น รองเลขาธิการ สพฐ.นำทีมงานวิศวกรลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้าง
ล่าสุดในวานนี้ วันที่ 10 พ.ย. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมด้วย นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และนางนิสา บรรจงการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี- ระยอง โดยมี นายประโยชน์ กีรติปกรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนให้การต้อนรับ
พบว่าห้องเรียนที่เกิดเหตุเป็นห้องเรียนที่ 11 ของอาคารเรียนที่ 2 ซึ่งในเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมเป็นการด่วน
นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขา กพฐ) เผยว่าหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รวมทั้ง ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ล้วนมีความห่วงใย จึงได้สั่งการให้หน่วยงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เร่งตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งตัวอาคารที่ได้รับความเสียหาย และอาการบาดเจ็บของนักเรียน ดังกล่าว
ซึ่งในวันนั้นมีทีมงานวิศวกร ทีมงานด้านความปลอดภัยและสำนักแผน ของ สพฐ. ร่วมลงพื้นที่เพื่อประเมินตัวอาคารเรียน ในเบื้องต้นพบว่าโครงสร้างของตัวอาคารยังมีความแข็งแรงแต่พื้นไม้ค่อนข้างเก่าเมื่อมีเด็กนักเรียนทำกิจกรรมจำนวนมาก จึงทำให้เกิดพังเสียหายดังที่เห็นในภาพข่าว ซึ่งขณะนี้ ได้บูรณาการทุกหน่วยงานเข้าดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนแล้ว อีกทั้งขอคุณทางทีมงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดีอีกด้วย
นายอุดมศักดิ์ เจริญวุฒิ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เผยว่าตนเองได้รับมอบหมายจาก นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ให้ร่วมเดินทางลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและได้รับทราบว่าพื้นห้องเรียนที่เกิดเหตุค่อนข้างเสื่อมโทรม เนื่องจากมีทั้งปลวกและความชื้นจากน้ำที่ขังอยู่ด้านล่าง และสมควรที่จะต้องซ่อมแซมพื้นใหม่เป็นคอนกรีต เพื่อเสริมความคงทนและแข็งแรง และจากการตรวจสอบสภาพโครงสร้างอาคารยังสามารถใช้งานได้ แต่อาจต้องนำเครื่องดูดน้ำทำการดูดน้ำจากด้านล่างให้แห้งเพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมแซม
นอกจากนี้ มีรายงานแจ้งว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ยังได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 7 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ให้กับโรงเรียนดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้โรงเรียนแห่งนี้มีพื้นที่สามารถรองรับนักเรียนได้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งอาคารใหม่จะเป็นอาคารขนาด 6 ชั้นพร้อมลิฟต์ โดยคาดว่าอาจจะต้องเป็นการใช้งบประมาณในปีหน้าเนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานเรื่องเอกสาร
ความคืบหน้า ล่าสุด นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ.และ โฆษกสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (โฆษก สพฐ.) เปิดเผยถึงสาเหตุของการทรุดตัวนั้น พบว่าห้องที่เกิดเหตุไม่มีอาการบ่งบอกถึงการทรุดตัว ซึ่งวิศวกรของ สพฐ. ได้เคยเข้ามาตรวจสอบ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 และโรงเรียนได้ใช้งบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
กล่าวต่อว่า สพฐ. ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในสถานศึกษามาโดยตลอด ตามข้อสั่งการของ รมว.ศธ. โดยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 สพฐ. ได้มีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งมาตรการการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ดำเนินการแจ้งสถานศึกษาในสังกัดทราบ และดำเนินการตามมาตรการการเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
โดยในมาตรการได้กำหนดให้สถานศึกษาเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา ในเรื่องการจัดสภาพแวดล้อมให้นักเรียนปลอดภัย โดยขจัดมุมอับและจุดเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อนักเรียน เช่น การสำรวจอาคารที่ชำรุด เป็นต้น
“ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าสถานศึกษาหลีกเลี่ยงหรือละเลยไม่ดำเนินการตามคำสั่งและมาตรการการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ จะถือว่าปล่อยปละละเลยและบกพร่อง จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามลำดับต่อไป” รองเลขากพฐ. กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage