รวบรองผอ.ร.ร.ดังเมืองขอนแก่น พร้อมเงินคาโต๊ะทำงาน! เรียกรับย้ายเด็กกว่า 70 คน เข้าเรียน สูงสุด 2 หมื่นบาท

 

รวบรองผอ.ร.ร.ดังเมืองขอนแก่น พร้อมเงินคาโต๊ะทำงาน! เรียกรับย้ายเด็กกว่า 70 คน เข้าเรียน สูงสุด 2 หมื่นบาท

 

ฉาวอีกแล้ว ระดับรองผอโรงเรียน ดังเมืองขอนแก่น เปิดเผยจาก นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ภาค 4 ว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 67 ได้รับแจ้ง จากผู้ปกครองเป็นผู้เสียหายว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น เรียกรับเงินค่าย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา รายละ 20,000 บาท จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงสืบหาข้อมูล หลังข้อมูลครบถ้วน จึงสนธิเจ้าหน้าที่ตำรวจและป.ป.ช.ลงพื้นที่ ตรวจสอบอีกครั้ง หลังผู้เสียหายได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับระดับบริหารของโรงเรียน.ในห้องทำงาน

 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 4 นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 และนายธนิต สุวรรณากาศ หัวหน้ากลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1

 

พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 ดำเนินการจับกุมรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับทรัพย์สินเป็นเงิน จาก ผู้ปกครองนักเรียนเพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา

 

อันถือเป็นเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการ

 

สืบเนื่องจากสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้รับประสานข้อมูลจาก นายธีรัตน์  บางเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น ว่า มีผู้กล่าวหาแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช. ผ่านช่องทางระบบแจ้งเบาะแส ในเว็บไซต์ URL :https://wbs.nacc.go.th โดยเป็นกรณีแจ้งเรื่องกล่าวหารองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับสินบนเป็นเงินเพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา

 

โดยรองผู้อำนวยการคนดังกล่าว แจ้งกับ ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นผู้ปกครองที่ต้องการย้ายบุตรเข้าไปเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนดังกล่าว ว่า ต้องมีการบริจาคเงิน 20,000 บาท แต่เนื่องจากบุตรของผู้กล่าวหาผ่านเกณฑ์อ่านออกเขียนได้ จึงลดให้เหลือ 10,000 บาทจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น ไม่ได้จ่ายที่ห้องการเงินเหมือนค่าเทอม

 

พร้อมแจ้งว่าเป็นเงินบริหารที่เป็นอัตราราคาตามที่คณะกรรมการคณะครูของโรงเรียนได้ตกลงกันว่า จะเรียกรับเงินเป็นเงินสดเท่านั้น รวมถึงมิได้แจ้งว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นการรับบริจาคให้แก่โรงเรียนตามระเบียบหรือเป็นเงินที่ขอเก็บไปเพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านใดของโรงเรียนหรือนักเรียนแต่อย่างใด

 

อีกทั้งยังมิได้แจ้งว่า จะทำการออกใบเสร็จรับเงินให้หรือให้นำเงินไปจ่ายกับฝ่ายการเงินของโรงเรียนแต่อย่างใด

 

เพียงแต่แจ้งว่าให้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาให้กับทางรองผู้อำนวยการคนดังกล่าวในห้อง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวโดยตรง และหากจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวแล้วจะได้เข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว ทั้งที่บุตรของผู้กล่าวหาก็ผ่านการทดสอบและในใบสมัครเรียนหรือเอกสารอื่นใดของโรงเรียน ก็มิได้มีการแจ้งให้ทราบหรือเผยแพร่เป็นการทั่วไป ถึงการเรียกเก็บเงินดังกล่าว

 

ต่อมาเมื่อได้มีการนัดหมายให้เข้าไปจ่ายเงินดังกล่าว เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.4 จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยได้มีการเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งผู้กล่าวหาเข้าพบและนำเงินสดจำนวนดังกล่าว ส่งมอบให้รองผู้อำนวยการคนดังกล่าวในห้องซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัว

 

หลังจากปรากฏพฤติการณ์ดังกล่าว  เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และ กก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4  จึงได้ เข้าแสดงตัวและเข้าจับกุมรองผู้อำนวยการ คนดังกล่าว พร้อมได้แจ้งสิทธิผู้ต้องหา และข้อกล่าวหาว่า

 

“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งรัฐสมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157”

 

จากนั้นได้ควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม แล้วนำตัวส่งสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า โรงเรียนดังกล่าวมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองรายหนึ่ง ขณะนี้ผู้เสียหายถูกกดดันให้กลับคำให้การ  

 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage