องค์กรครูห่วง“ตรีนุช”ตกเป็นเครื่องมือกลุ่มผลประโยชน์ เร่งประกาศหลักสูตรสมรรถนะ

 

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ตนในนามสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ได้ทำหนังสือที่ สค.ชย.๐๒7/๒๕๖๔ ลงวันที่ 4 ตุลาคม ๒๕๖๔ ส่งถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องขอให้ยกเลิกแนวคิดในการจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ

โดยตนได้แนบข้อมูล 1.ผู้เสียประโยชน์จากแนวคิดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ จำนวน 1 ชุด และ 2.ผู้รับผลประโยชน์จากหลักสูตรฐานสมรรถนะ จำนวน 1 ชุด ส่งไปให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พร้อมกันด้วย

นายสานิตย์กล่าวว่า สาระสำคัญของหนังสือดังกล่าวระบุว่า ด้วยสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่าอาจเกิดกรณีมีความเห็นขัดแย้งกันหรือไม่? ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในเรื่องการจัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลด้านการศึกษา ได้ประกาศใช้การปฏิรูปการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามหลักสูตรแกนกลางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอิงมาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

แต่มีคนกลุ่มหนึ่งในกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองพยายามผลักดันนางสาวตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ให้เปลี่ยนมาใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ โดยอ้างว่ามีประกาศเรื่องนี้ในราชกิจจานุเบกษา ทั้งๆ ที่ รองนายกฯ ดร.วิษณุได้ออกมาระบุชัดว่า ไม่ใช่ราชกิจจาฯแต่อย่างใด

ส่งผลทำให้ครูทั่วประเทศถึงกับพูดไม่ออกว่า การศึกษาของชาติจะเดินหน้าไปอย่างไร ในเมื่อถ้าเกิดปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวขึ้นจริง ซึ่งไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน

สานิตย์ พลศรี

นายสานิตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ยังได้รับข้อมูลเรื่องของผู้ได้รับผลประโยชน์ และผู้เสียประโยชน์ในการจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ จึงได้ส่งไปให้ น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.พร้อมกันนี้ด้วย เพราะทั้งๆ ที่หลักสูตรใหม่ยังไม่สมบูรณ์อีกหลายๆ อย่าง แต่กลับมีความพยายามจากบุคคลกลุ่มหนึ่งผลักดันให้ น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.รีบลงนามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะให้ได้ในเร็วๆ นี้

“เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงสร้างความเสียหายต่อการศึกษาของชาติทั้งระบบ ถ้าหลักสูตรนี้ไม่เกิดผล แก้ปัญหาไม่ตรงประเด็น ก็จะยิ่งส่งผลให้การศึกษาไทยล้มเหลวลงยิ่งกว่าเดิม สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิจึงขอให้ น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้รับฟังข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจเดินหน้าจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะในครั้งนี้ จะได้ทราบว่าทำเพื่อใคร ใครได้-ใครเสียประโยชน์ หรือใครตกเป็นเครื่องมือให้กับใคร”

นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงผู้ได้รับประโยชน์จากการทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ อาทิ สำนักพิมพ์ได้ขายหนังสือใหม่ตามหลักสูตรใหม่ทั้งระบบ, คณะทำงานหลักสูตรได้ใช้งบประมาณระยะยาวกว่า 3 ปี, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ใช้งบฯจัดซื้อครุภัณฑ์ใหม่ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ออกใหม่ โดยอาจมีบริษัทขายครุภัณฑ์บางแห่งจ่อได้รับประโยชน์หลายร้อยล้านบาท

“เวลานี้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหากันแล้วว่า ครุภัณฑ์บางอย่างเริ่มซื้อกันแล้ว ดังงบประมาณที่ สพฐ.เพิ่งโอนไปให้กับบางเขตพื้นที่การศึกษาที่กำกับได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหรือไม่? ที่ขณะนี้อาจดูเหมือน สพฐ.จะสนับสนุนเต็มพิกัดในการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่”

นายสานิตย์ ยังกล่าวถึงผู้เสียประโยชน์จากความพยายามเร่งรัดการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะว่า คือ 1.นักเรียนทั่วประเทศ กลายเป็นหนูทดลองยาที่นักวิชาการด้านการศึกษาหลายคนได้ท้วงติงและไม่คาดหวังความสำเร็จในอนาคตได้ 2.ครู เกิดปัญหาสับสนในการเรียนการสอน 3.พ่อแม่ ผู้ปกครอง สูญเสียโอกาสที่ลูกหลานตนเองจะได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรอิงมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง 4.ประเทศชาติสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เพราะการศึกษาของชาติต้องมาทดลองหลักสูตรแบบนับ “ศูนย์” ใหม่ อยู่เป็นระยะๆ

“จริงๆ แล้ว ในช่วงปลายสมัยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ. เคยมีความพยายามจะใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะที่มีการยกร่างอยู่เดิม แต่ถูกครูท้วงติงว่าไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นและเสนอแนะ และจะสร้างปัญหาให้กับการจัดการเรียนการสอน ดังนั้น นายณัฏฐพลจึงได้ยกเลิกแนวคิดที่จะใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ เพียงแต่ยังไม่ทันออกประกาศล้มเลิกก็พ้นจากตำแหน่ง รมว.ศธ.ไปเสียก่อน” นายสานิตย์ กล่าว

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)