“องค์กรครู” จี้ “อัมพร” รับผิดชอบ หากปล่อย กพฐ.ไฟเขียวหลักสูตรสมรรถนะ จ่อฟ้องศาลทำผิด พ.ร.บ.การศึกษาชาติ-กม.ปฏิรูปประเทศ
จากกรณี ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่จัดทำโดยคณะกรรมการจัดทำและพัฒนา (ร่าง) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) มีนางสิริกร มณีรินทร์ เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา
ซึ่งนางสาวตรีนุช รมว.ศธ. ได้เป็นประธาน Kick-Off เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ห้องประชุมจันทรเกษม กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเปิดโครงการนำร่องทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) ในภาคเรียนที่ 2/2564 ใน 265 โรงเรียน ในเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี เชียงใหม่ ศรีสะเกษ ระยอง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
โดย ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า จากการตรวจสอบหลักฐานปรากฏข้อเท็จจริงมีสถานศึกษาในเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 8 จังหวัด ขออนุญาตทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในจังหวัดต่างๆ รวมจำนวน 247 โรงเรียน แต่มีเพียง 5 โรงเรียนใน จ.เชียงใหม่เท่านั้นที่ได้มีการทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะ และได้ทดลองใช้เพียง 5 สมรรถนะ จากทั้งหมดจำนวน 6 สมรรถนะ (ได้แก่ การจัดการตนเอง การคิดชั้นสูง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและวิทยาการอย่างยั่งยืน)
จึงยังไม่ถือว่าเป็นการทดลองนำร่องใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะในโรงเรียน หรืออาจเรียกได้ว่ายังไม่มีการนำร่องทดลองใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะในสถานศึกษาเลย
ส่วนอีก 242 โรงเรียน พบว่าไม่มีการทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะแต่อย่างใด แต่ยังเดินหน้าใช้หลักสูตรในปัจจุบัน คือหลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พ.ศ.2551 (หลักสูตรอิงมาตรฐาน) และมีการปรับการจัดการเรียนรู้ให้อิงสมรรถนะผู้เรียน (แต่ไม่ใช่หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ซึ่งแสดงว่าทั้ง 242 โรงเรียนนี้ทำตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) ที่กำหนดให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พ.ศ.2551 (อิงมาตรฐาน) ในปัจจุบัน และปรับการเรียนการสอนไปสู่การเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะผู้เรียน (Active Learning)
นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ด้วยว่า การจัดทำ (ร่าง) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) โดยคณะกรรมการจัดทำและพัฒนาฯ ที่มีนางสิริกร เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และ น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา อาจจะถือว่าส่อเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หรือไม่ ? และส่อถือเป็นโมฆะ ไม่มีผลในทางกฎหมายหรือไม่? เนื่องจากคณะกรรมการ กพฐ.ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นในการดำเนินการปรับเปลี่ยนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเองแต่อย่างใด
ดังที่ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 27 บัญญัติไว้ว่า “ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ”
แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีกระแสข่าวออกมาในช่วงเวลานี้ในทำนองว่า อาจจะมีการเคลื่อนไหวผลักดันให้คณะกรรมการ กพฐ.ชุดใหม่ในคราวประชุมวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จะถึงนี้ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กพฐ.ชุดที่แล้ว ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ในการปรับปรุงแก้ไขร่างกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) พร้อมกับรับข้อสังเกตจากที่ประชุม กพฐ.ชุดเก่าไปดำเนินการต่อ นั้น
สานิตย์ พลศรี
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า สิ่งสำคัญประการแรกหลังจากที่ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ตรวจสอบพบมีการนำร่องทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะ ในสถานศึกษาเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เพียง 5 โรงเรียนใน จ.เชียงใหม่ และยังทดลองใช้เพียง 5 สมรรถนะ จากทั้งหมดจำนวน 6 สมรรถนะ จึงยังไม่ถือว่าเป็นการนำร่องทดลองใช้ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะในสถานศึกษาเกิดขึ้นเลยนั้น
ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ.จะต้องสั่งการให้มีการตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะเคยมีผู้อ้างว่า คณะกรรมการจัดทำและพัฒนาร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) เคยนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กพฐ.เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ให้ความเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) กรอบหลักสูตรฯ โดยได้รับข้อสังเกตจากที่ประชุม กพฐ.ไปดำเนินการต่อ แต่กลับปรากฎข้อเท็จจริงตามที่ ดร.เกศทิพย์ เลขาธิการ กพฐ.ระบุว่าตรวจสอบพบดังกล่าว
ซึ่งอาจถูกสังคมมองว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานความด้อยคุณภาพของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ที่จะนำมาเสนอให้คณะกรรมการ กพฐ.ได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พ.ศ.2551 (อิงมาตรฐาน) ในปัจจุบัน มาเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ
“ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ ดร.อัมพร หากไม่กลั่นกรองปล่อยให้มีการนำร่างหลักสูตรสมรรถนะที่ผ่านการทดลองใช้เพียง 5 โรงเรียนใน จ.เชียงใหม่เท่านั้น หนำซ้ำยังทดลองใช้เพียง 5 สมรรถนะ จากทั้งหมดจำนวน 6 สมรรถนะ บรรจุเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กพฐ.ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ เพื่อให้ความเห็นชอบให้เป็นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่”
นายสานิตย์กล่าวด้วยว่า หากยังมีการเคลื่อนไหวผลักดันให้คณะกรรมการ กพฐ.พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะ ตนอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้พิพากษาว่า เป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 27 หรือไม่?
ที่บัญญัติไว้ว่า “ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ”
สอดรับกับที่ ดร.เกศทิพย์ รองเลขาธิการ กพฐ. กำกับดูแลงานด้านวิชาการ ได้ระบุถึงขั้นตอนการจะปรับเปลี่ยนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นหลักสูตรระดับชาติว่า จะต้องผ่านขั้นตอนที่ 1. คณะกรรมการ กพฐ.จะต้องมีนโยบายและมีความเห็นเป็นหลักการว่า เห็นสมควรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่ เช่น เพื่อให้ทันความเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
จากนั้นขั้นตอนที่ 2. สพฐ.โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ถึงจะไปทำการบ้าน จัดการวิพากษ์ ตั้งคณะกรรมการเขียนร่างหลักสูตร แก้ไขปรับปรุง และจัดวิพากษ์ร่างหลักสูตรอีกครั้งจนไม่มีใครคัดค้านในสาระสำคัญแล้ว
จึงจะนำไปทดลองใช้กับสถานศึกษาแบบ 100% ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ 3. ต้องใช้เวลาทดลองร่างหลักสูตร 1 ปีการศึกษา หลังจากนั้นจะต้องดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนว่า จะต้องแก้ไขปรับปรุงอะไรอีกบ้าง ก่อนจะประกาศใช้เป็นหลักสูตรระดับชาติได้ โดยจะต้องใช้เวลาในขั้นตอนที่ 3. นี้ อย่างน้อย 2 ปี นับจากเริ่มทดลองใช้ร่างหลักสูตรใหม่กับสถานศึกษา
ซึ่งตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะที่กำลังเคลื่อนไหวกันอยู่นี้ ไม่ได้เริ่มต้นดำเนินการขั้นตอนที่ 1.จากคณะกรรมการ กพฐ.แต่อย่างใด แต่จัดทำโดยคณะกรรมการจัดทำและพัฒนา (ร่าง) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. …(หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ซึ่งลงนามแต่งตั้งโดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มีนางสิริกร มณีรินทร์ เป็นประธานกรรมการอำนวยการ และมี น.ส.ตรีนุช รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา
นอกจากนี้ ตนอาจจะยื่นฟ้องในประเด็นมีการกระทำผิดกฎหมายปฏิรูปประเทศ และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลใช้บังคับตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) ด้วยหรือไม่? ที่กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พ.ศ.2551 (อิงมาตรฐาน) ในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการปรับการเรียนการสอนของครูไปสู่การเรียนรู้ที่พัฒนาสมรรถนะผู้เรียน (Active Learning)
"ไม่ได้ให้ ศธ.มาดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาพื้นฐาน พ.ศ.2551 (อิงมาตรฐาน) ในปัจจุบัน มาเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะแต่อย่างใด" นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ
(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)