เสวนากับบรรณาธิการ : ปลื้ม'ความสำเร็จในการร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา 'CONNEXT ED - สพฐ.' แต่ต้องไม่ลืมลดความเหลื่อมล้ำสถานศึกษาเมือง-ชนบท

 

ปลื้ม'ความสำเร็จในการร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษา 'CONNEXT ED - สพฐ.' แต่ต้องไม่ลืมลดความเหลื่อมล้ำสถานศึกษาเมือง-ชนบท  

 

จากความมุ่งมั่นขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ยุคดิจิทัลของทรู คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในองค์กรเอกชนผู้ก่อตั้ง มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ผ่านการดำเนินโครงการผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้ ICT Talent เป็นเสมือนครูผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีที ให้คำแนะนำครูและเด็กในโรงเรียนคอนเน็กซ์อีดี ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมากว่า 2,000 คน เพื่อดูแล 4,100 โรงเรียนทั่วประเทศ

 

ดังนั้น โครงการผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ICT Talent ของกลุ่มทรู ถือเป็นโมเดลต้นแบบให้ภาครัฐ นำไปต่อยอดและขยายผลในวงกว้าง ซึ่ง ICT Talent มีบทบาทสำคัญในฐานะฟันเฟืองที่ร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคมการศึกษาไทย

 

จากผลวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่านักเรียนในโรงเรียนที่มี ICT Talent ดูแลมีความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยี (ICT Literacy) สูงขึ้น ครูใช้เทคโนโลยีช่วยในการสอนมากขึ้นถึง 76% และครูมีความมั่นใจที่จะใช้เทคโนโลยีในการสอนถึง 88%

 

 

สอดรับกับ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงการดำเนินโครงการคอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) ที่ว่า...

 

หลังจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำ 'โครงการโรงเรียนประชารัฐซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมขับเคลื่อนและยกระดับการศึกษาของประเทศไทยโดยมีจุดเน้นพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

 

ประกอบด้วย ภาครัฐ สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและหลักสูตร ภาคเอกชน สนับสนุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี เสริมทักษะวิชาการ และทักษะอาชีพ และ ภาคประชาสังคม ให้การสนับสนุนเกี่ยวกับกรอบแนวคิดในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ตั้งแต่ปี 2559 กระทรวงศึกษาธิการ แล้ว

 

 

ในปี 2563 คณะทำงานโครงการได้เปลี่ยนชื่อเป็น  'โครงการคอนเน็กซ์อีดี' ปัจจุบันมี ภาครัฐ 3 หน่วยงาน ภาคเอกชน 44 หน่วยงาน และภาคประชาสังคม แบ่งกันร่วมพัฒนาโรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย รวม 5,567 โรงเรียน ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนสังกัด สพฐ. 5,544 โรงเรียน

 

ผลการดำเนินโครงการ พบว่า การมีภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่มีต้นทุนที่พร้อมมาสนับสนุนส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้ามาร่วมและเป็นพี่เลี้ยงให้แก่โรงเรียน ทำให้เกิดคุณภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใน 5 ด้าน ดังนี้..

 

1.ด้านคุณภาพผู้เรียน ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีความรู้ มีทักษะด้านอาชีพ มีทักษะการคิด คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม และสามารถดำรงชีวิตตามบริบทอย่างมีความสุข

 

2. ด้านผู้สอนและผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษามีภาวะผู้นำ มีการบริหารแบบทีมงาน ส่วนครูพัฒนาตนเองโดยการเข้ารับการศึกษาอบรม จัดกิจกรรมการสอนที่มีรูปแบบหลากหลาย ผู้บริหารและครู นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารและการสอน

 

3. ด้านหลักสูตรและการสอน นั้น สถานศึกษามีการพัฒนาหลักสูตรสนองต่อความต้องการของผู้เรียน เช่น หลักสูตรอาชีพ นำแนวคิดของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในสาระการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

 

4.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ วัสดุอุปกรณ์ พร้อมทั้งสื่อเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่หลากหลายเพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน พัฒนาและปรับอาคารเรียน อาคารประกอบการที่เอื้อต่อการเรียนการสอน โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณที่เพียงพอ ส่งผลให้การพัฒนาผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้น

 

5. ด้านการมีส่วนร่วมภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนา มีการกำหนดเป้าหมายพัฒนา การวางแผนสู่การปฏิบัติ มีการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และมีวิทยากร ปราชญ์ชาวบ้านให้ความร่วมมือ โดยการให้ความรู้และการฝึกปฏิบัติแก่ผู้บริหาร ครู และผู้เรียน

 

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จ เป็นไปตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของโครงการฯที่กำหนดไว้ คือ ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นการสร้างเยาวชนที่สามารถดึงศักยภาพของตนเองออกมาให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง

 

จากความสำเร็จนี้ สพฐ.ได้ทำการศึกษาวิจัยการดำเนินงานของภาคเอกชนผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน ในรูปแบบต่างๆ เพื่อหานวัตกรรมนำไปขยายผลสู่โรงเรียนในสังกัด สพฐ.เสร็จเรียบร้อยแล้วจำนวน 17 เรื่อง และนำไปจะเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาในเร็ว ๆ นี้

 

เลขาธิการ กพฐ. ยังกล่าวถึงอนาคตอีกว่า การดำเนินงานในก้าวต่อไปคณะทำงานโครงการได้หารือกันแล้ว ว่า...

 

ต่อไปถ้าโครงการจะเพิ่มสถานศึกษาแห่งใหม่ หรือ เอกชนจะไปขับเคลื่อนในพื้นที่ใด ก็จะเลือกโรงเรียนที่เป็นเป้าหมายที่ สพฐ.ปักหมุดไว้ว่าเป็นโรงเรียนที่จะยกระดับคุณภาพ เพื่อไปสู่สถานศึกษาคุณภาพที่ออกแบบไว้ โดยระดมพลช่วยกันทำงานในโรงเรียนนั้น

 

เช่น 1 โรงเรียน อาจจะมีหลายบริษัทไปช่วย สพฐ.ก็จะงบฯลงไป ซึ่งจะทำให้เกิดพลังเข้มแข็งขึ้น ยกให้มีคุณภาพ และสามารถช่วยโรงเรียนอื่นๆที่อยู่ข้างเคียงที่ไม่ได้ปักหมุด ให้ได้มาใช้ทรัพยากรที่โรงเรียนคุณภาพนี้ร่วมกัน

 

“.จะเป็นการ.นำครูเก่ง ๆ ใช้เทคโนโลยีดีๆ ใช้ห้องสมุด และสนามกีฬาดีๆ ที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน เพราะสุดท้ายแล้วด้วยจำนวนเด็กที่เกิดลดลง การคมนาคมสะดวกขึ้น โรงเรียนในสังกัด สพฐ. ก็ควรจะเหลือไม่เกิน 10,000 โรงเรียน และเป็นโรงเรียนคุณภาพอย่างแท้จริง...”

 

 

ภาพฝันในอนาคตดัง เลขาธิการกพฐ.กล่าว จะเป็นจริงได้แค่ไหน คงต้องติดตามให้กำลังใจกันต่อไป เนื่องจากการศึกษาไทย ยังติดหล่มความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เป็นปัญหามายาวนานระหว่างโรงเรียนขนาดเล็กกับขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะทั้งความต่างที่หลากหลายในคุณภาพในหลายมิติมายาวนาน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนในจังหวัดเดียวกัน ความเสมอภาคทางการศึกษา ระหว่างเมืองกับชนบทก็ยังมีสภาพทรัพยากรแตกต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว นับเป็นเรื่องที่ท้าทาย มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี กับ สพฐ.มิใช่น้อย

    

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam  

ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage