สุดเศร้าชีวิต ครูชัยยศ” ครู ร.ร.ขยายโอกาสบนดอย สิ้นศรัทธาความดีงาม ตรวจรับอาหารกลางวัน ถูก ‘ปลดจากราชการ’ ต้องออกมาขายโรตีเลี้ยงชีพ ยันไม่เคยได้ประโยชน์อันใด

 

สุดเศร้าชีวิต ครูชัยยศ” ครู ร.ร.ขยายโอกาสบนดอย สิ้นศรัทธาความดีงาม ตรวจรับอาหารกลางวัน ‘ ถูปลดจากราชการ’ ต้องออกมาขายโรตีเลี้ยงชีพ ยันไม่เคยได้ประโยชน์อันใด 

 

“จบแล้วนะครับ กับ กรณีครูที่ตรวจรับอาหารกลางวัน แม้ลูกศิษย์ที่เคยเรียน จะยื่นทัดทาน อย่างไร แต่ผลสุดท้ายลงเอยโดยการถูก ‘ปลดออกจากราชการ’

 

วันที่ 5 ธ.ค.66 เพจ ‘วันนั้นเมื่อฉันสอน’ โพสต์เรื่องราวสุดเศร้าชีวิต ครูชัยยศ” ครู ร.ร.ขยายโอกาสบนดอย หลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โดนปลดออกจากราชการ ต้องดิ้นรนเลี้ยงชีพขายโรตี ยืนยันไม่เคยได้ประโยชน์อันใดจากสิ่งที่ทำกลายเป็นคน "ทุจริต"

เตือนเพื่อนครู “...หากไม่อยากออกจากราชการและอยู่จนเกษียณ อย่าไปยุ่งกับการตรวจรับ ไม่รู้อย่าเซ็น ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น”

“จบแล้วนะครับกับกรณีครูที่ตรวจรับอาหารกลางวัน แม้ลูกศิษย์ที่เคยเรียน จะยื่นทัดทาน อย่างไร แต่ผลสุดท้ายลงเอยโดยการถูก ‘ปลดออกจากราชการ’

ทางเพจ "วันนั้นเมื่อฉันสอน" ติดตามกรณีครูทำอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสเลี้ยงเด็กบนดอย ซึ่งงบประมาณครอบคลุมแค่ ป.6 แต่นำไปเลี้ยงจนถึง ม.3

คำว่าโรงเรียนขยายโอกาสคือโรงเรียนที่เด็กไม่มีทางเลือก ยากจนและขาดโอกาส ทำให้คนเป็นครูอดไม่ได้ที่จะเห็นลูกศิษย์ทนหิวคนหนึ่งกินอีกคนไม่ได้กิน ไม่มีนิยามใดบนโลกที่บอกว่าเมื่อขึ้นม.1 ความยากจนจะหมดพ้นไป จึงต้องกระทำไปแบบนั้น

งบเท่าเดิมแต่คนมากขึ้น ย่อมกระทบต่อปริมาณและคุณภาพ เป็นมูลเหตุให้ผู้ปกครองบางคนไม่พอใจและร้องเรียน แทนที่จะชื่นชมว่างบประมาณเท่านี้ แต่สามารถเลี้ยงคนได้มากกว่าที่ให้ กลับหาทางเล่นงาน

ครูชัยยศเอง มีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้มีความความรอบคอบมากพอ โดนหางเลขไปด้วย เนื่องจากมีการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามระเบียบ

ผลสุดท้าย ไม่ว่าจะทำคุณงามความดีมาขนาดไหน ได้รางวัลอะไรส่งนักเรียนเรียนต่อถึงปริญญาตรี อุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อสั่งสอนเด็ก แต่เส้นทางราชการก็ต้องสิ้นสุดลง ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ไม่มีอะไรปกป้อง

 

ผมขอคุยกับครูชัยยศ แต่เจ้าตัวเหมือนรับสภาพไปแล้ว สูญสิ้นศรัทธาต่อความดีงาม ไม่อยากที่จะคุยกับผม จนกระทั่งเย็นแกจึงยอมเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์

ผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้เงินตัวเองส่งเสียลูกศิษย์บ่มเพาะและสั่งสอนจนเรียนจบได้ดีมีการมีงาน มั่นใจอย่างแน่แท้ว่า เขาไม่ได้มีผลประโยชน์จากอาหารกลางวันนี้

แต่ต้องมาจบเส้นทางราชการลง เพราะมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับทั้งที่เขาไม่เคยได้รับผลประโยชน์อันใดจากมัน

 

ด้วยคำตัดสินที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีสถานอื่นใดนอกจากออกจากราชการเท่านั้น ครูชัยยศยอมรับว่าไม่ได้มีความรู้มากมายในเรื่องพัสดุ เพราะตนเป็นครูผู้สอน แต่ความผิดที่ได้รับนั้นตนไม่ได้ประโยชน์แต่กับลงทัณฑ์อย่างสาหัส ไม่มีรอมชอม และถูกตราหน้าว่าผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

คนที่ไม่เคยได้ประโยชน์อันใดจากสิ่งที่ทำกลายเป็นคน "ทุจริต"

 

 

ใครที่ผ่านไปทางอมก๋อยก็ฝากอุดหนุนโรตีของครูเขาด้วยนะครับ เพราะนั่น คือ อาชีพเดียวที่ครูเขาหลงเหลืออยู่ ชายที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อนักเรียนหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง

เรื่องนี้อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนเห็นว่าในโรงเรียนขยายโอกาส 

ถ้าโรงเรียนบริหารจัดการได้ก็ควรให้เลี้ยงได้ถึง ม.3 เลย หรือจะให้ดีก็ควรมีงบประมาณมาเพิ่ม

ความยุติธรรมที่มาช้า คือ ความอยุติธรรม บางทีผมก็สงสัยนะว่า ทำไมครูไทยต้องมาทำอะไรแบบนี้

 

เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งยังเอากระดูกมาแขวนคอ เมื่อไหร่จะให้ครูได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของนักเรียนเพียงอย่างเดียว นี่คือสิ่งที่กระทำต่อครูโดยระบบการศึกษา ครูไม่ได้ประโยชน์จากการตรวจรับแต่เวลาลงทัณฑ์ ประหัตประหารกันถึงขีดสุด

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับครูรุ่นใหม่ว่า หากไม่อยากออกจากราชการและอยู่จนเกษียณอย่าไปยุ่งกับการตรวจรับ ไม่รู้อย่าเซ็น ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น

ผิดมาจะอ้างไม่รู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความดีใดปกป้องคุณได้  และเรื่องนี้จะยังเป็นชะตากรรมที่ครูไทยต้องพบเจอสืบไป

หากคุณคิดว่าสิ่งที่ครูคนหนึ่งที่ทำเพื่อเด็กเหมาะสมแล้ว ก็เลื่อนผ่านโพสนี้ไปไม่ใช่เรื่องของเราซักหน่อย

แต่หากคุณคิดว่า มันไม่ถูกต้องโปรดช่วยแชร์เรื่องราวนี้ออกไป เพื่อช่วยเหลือให้มนุษย์ผู้หนึ่งยังไม่สิ้นศรัทธาในความถูกต้องและขอให้ทบทวนเพื่อมีการเปลี่ยนแปลง“

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 66 ที่ผ่านมา อ.ก.ค.ศ. มีคำสั่งปลดพ้นราชการ จากการชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงเบียดบังค่าอาหารกลางวันเด็ก โดยล่าสุดครูชัยยศหันไปเปิดร้านขายโรตีหาเงินเลี้ยงชีพ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของครูรุ่นใหม่

ก่อนหน้านี้ ศิษย์เก่าโรงเรียนยางเปา อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายสุรศักดิ์ เพียสุระ ผอ.เขต สพป.5 และ นายสินอาจ ลำพูนพงศ์ ประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา เขต 5 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายชัยยศ สุขต้อ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ชึ่งวันนี้ทาง อ.ก.ค.ศ.มีการประชุมพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงของนายชัยยศฯ ซึ่งเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุ อาหารกลางวันนักเรียนประถมและอนุบาล ที่ถูก ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบเมื่อปี 2563

และตรวจพบว่ามีมูลความผิด จึงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด รวมถึงคณะกรรมการ จำนวน 4 คน ซึ่งต่างปฎิเสธข้อกล่าวหาของป.ป.ช. โดยยืนยันไม่มีส่วนร่วมในการเบียดบังค่าอาหาร

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับครูรุ่นใหม่ว่า หากไม่อยากออกจากราชการและอยู่จนเกษียณอย่าไปยุ่งกับการตรวจรับ ไม่รู้อย่าเซ็น ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กรณีคุณครูชัยยศ สุขต้อ นี้ มีลูกศิษย์บางคนของครูชัยยศ ได้ประสานงานไปยังเพื่อช่วยเหลือในการอุทธรณ์คดีนี้แล้ว โดยได้ปรึกษากับกรรมาธิการการศึกษา ถึงวิธีการช่วยเหลือว่าจะทำได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากเห็นว่า คุณครูชัยยศมีความตั้งใจดีในการจะช่วยให้นักเรียนได้มีอาหารกลางวันอิ่มท้อง แต่กลับมีผลลงเอยเช่นนี้

 

อีกทั้งขอให้ความมั่นใจต่อสังคมว่า จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกช่องทางเท่าที่จะทำได้ ทั้งในการอุทธรณ์คดีและผ่านช่องทางการร้องเรียนต่อกรรมาธิการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ต่อไป 

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage