ครูชนบท ย้ำเด็กชนบทไทยขาดสารอาหาร มูลนิธิศุภนิมิตฯร่วมเอกชน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล จัดโครงการ “C-vitt สู่อนาคตที่สดใส”

 

ครูชนบท ย้ำเด็กชนบทไทยขาดสารอาหาร มูลนิธิศุภนิมิตฯร่วมเอกชน จัด “C-vitt สู่อนาคตที่สดใส”  

 

ธรัญติกร เพชร์ดำ(เปิ้ล)  : รายงาน 

 

หากจะกล่าวถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยที่เห็นได้อย่างชัดเจน หนีไม่พ้นเรื่อง “ต้นทุนชีวิต” ของเด็กชนบทในพื้นที่ห่างไกลที่มีฐานะยากจน ขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดี และที่สำคัญ คือ อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างเช่น เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง จังหวัดเพชรบุรี ที่กำลังประสบปัญหาขาดภาวะทุพโภชนาการทำให้ร่างกายเติบโตไม่สมวัย

 

ซึ่งทาง มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และ ซี-วิท ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้ร่วมมือกับ เข้าช่วยเหลือด้วยการมอบเครื่องดื่มวิตามินซี “ซี-วิท มินิ” เพื่อเสริมวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายให้เด็กๆ ได้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน

 

นางสาวอรทัย บุญมา ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า...

 

“เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง มาจากกลุ่มครัวเรือนเปราะบาง ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบ คือ ปัญหาด้านโภชนาการ ทั้งการได้รับอาหารไม่ครบทุกมื้อ และบางมื้อขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าที่หลายครอบครัวเร่งรีบไม่มีเวลาเตรียมอาหาร"

 

บอกอีกว่า อาหารที่ได้รับในมื้อเช้าส่วนใหญ่จะเป็นขนมขบเคี้ยว น้ำหวาน อาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย ทำให้เด็กส่วนใหญ่เกิดภาวะเตี้ยแคระแกร็น หรือบางรายมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน เป็นโรคอ้วน นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังขาดวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย

 

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของเด็ก ๆ ทางโรงเรียนได้ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะขามโพรง ตำบลพุสวรรค์ เข้ามาตรวจสุขภาพเด็กเป็นประจำทุกปี พร้อมปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยอาหารมื้อกลางวัน ทางโรงเรียนจะจัดสรรเมนูอาหารจากระบบ Thai School Lunch ซึ่งเป็นระบบที่สามารถคำนวณคุณค่าสารอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

 

แต่จากการบริหารจัดการก็ยังไม่เพียงพอสำหรับมื้ออื่น ๆ ดังนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือด้านโภชนาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสารอาหารให้เด็กเหล่านี้ได้มีสุขภาพที่ดี

 

ด้าน นายปริญญา พวงจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง เล่าว่า โดยปกติแล้วทางโรงเรียนจะได้รับงบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันจากทางภาครัฐ ตามกฎระเบียบโครงการอาหารกลางวันที่ถูกจัดสรรขึ้น แต่เนื่องด้วยงบประมาณที่จำกัด ส่งผลให้การคัดเลือกคุณภาพอาหารมีข้อจำกัดตามไปด้วย

 

ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงขอความร่วมมือไปกับองค์กรเอกชนต่าง ๆ เข้ามาช่วยเหลือ อาทิ การสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวัน โครงการแม่ครัวช่วยทำอาหาร รวมถึงโครงการให้ความรู้เรื่องการเกษตรเพื่อสร้างคุณภาพทางโภชนาการอย่างยั่งยืน ทั้งการทำโรงเรือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงหอยขมในกระชัง และยังส่งเสริมให้นำไปเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้กับนักเรียน

 

รวมถึงการได้รับความร่วมมือจาก ซี-วิท ในโครงการ "C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน” มอบเครื่องดื่มวิตามินซี ให้นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง ได้ดื่มทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เด็ก ๆ ได้รับวิตามินซีที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้เด็กๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ห่างไกลจากโรคหวัดตอนเปลี่ยนฤดูกาล”

 

ขณะเดียวกัน มร.โอซามุ โซมะ ประธานบริหาร บริษัท เฮ้าส์ โอสถสภา ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการ “C-vitt สู่อนาคตที่สดใส ไปด้วยกัน” จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ด้วยการมอบ “ซี-วิท มินิ” (C-vitt mini) จำนวน 1,281,600 กล่อง ให้แก่เยาวชนกว่า 50,000 คน ในพื้นที่ 250 โรงเรียนนำไปดื่มเสริมสร้างวิตามินซีให้ร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ

 

อีกทั้งในปีนี้ ซี-วิท ได้นำแนวคิดการดูแลสุขภาพเยาวชนแบบยั่งยืน ด้วยการมอบ ซี-วิท มินิ ให้ได้ดื่มเป็นประจำทุกวัน ระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เห็นผลเชิงสุขภาพทางร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน โดยนำร่องกับนักเรียน 900 คน ใน 9 โรงเรียนพื้นที่ห่างไกล รวมถึง โรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง จังหวัดเพชรบุรี

 

ซึ่งจากการหารือร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย พบว่า เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยกวางจริง เป็นหนึ่งในโรงเรียนภายใต้การดูแลของมูลนิธิ และมีเด็กนักเรียนจำนวนมากประสบปัญหาด้านโภชนาการ ที่ต้องได้รับความร่วมมือช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

 

โดย ซี-วิท หวังว่าโครงการดังกล่าวที่จัดขึ้นนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เยาวชนไทยทั่วประเทศ เติบโตและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ด้วยเป้าหมายภายในปี 2025   จะสามารถช่วยเหลือเด็กไทยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้กว่า 200,000 คน”

 

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage