ค.อ.ท.ดาวกระจายทั่ว ปท. ขอแรง ส.ส.-ส.ว.แก้ร่าง กม.ศึกษาชาติฉบับกฤษฎีกา

กลุ่มตัวแทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดชัยภูมิ ทั้ง 4 เขตพื้นที่การศึกษา นำโดยนายนิวัฒน์​ แก้ว​เพชร​ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) ชัยภูมิ เขต 1, ดร.สมัต​ อาบ​สุว​รรณ์​ รอง ผอ.สพป.ชัยภูมิเขต 1, ดร.วิจิตร ทองนำ รอง ผอ.สพป.ชัยภูมิ​ เขต ​2, ดร.นิมิตร ฤทธิ์​ไ​ธ​สงค์​ รอง ผอ.สพป.ชัยภูมิ​ เขต​ 3, ดร.ทิณกรณ์​ ภู​โท​ถ้ำ และนายประทีปแสง พลรักษา รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ชัยภูมิ​, นายสุเทน ฐานะ ผู้แทนผู้บริหารสถานศึกษา 

พร้อมด้วยกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในนามเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูไทย (ค.อ.ท.) ได้เข้ายื่นข้อเสนอประเด็น​การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษา​แห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา ต่อนายสัมฤทธิ์​ แทนทรัพย์​ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ณ เทพสถิต​วิวล เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2564

โดยกลุ่มตัวแทน ค.อ.ท.ชัยภูมิได้รับการตอบรับจากนายสัมฤทธิ์เป็นอย่างดี นายสัมฤทธิ์รับปากจะนำข้อเสนอนี้ไปหารือกับทีม ส.ส.ในเครือข่าย เช่น นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทั้งจะนำเรียนหารือกับ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ด้วย

ในวันเดียวกัน เวลา 09.00 น. กลุ่มตัวแทน ค.อ.ท.จังหวัดชัยภูมิ ยังได้เข้ายื่นข้อเสนอประเด็น​การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษา​แห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา ต่อนายเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ 

ทั้งนี้ ข้อเสนอของกลุ่ม ค.อ.ท.ในประเด็น​การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษา​แห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

1.ให้คุ้มครองผู้รับบริการคือผู้เรียนในอนาคต ให้มีโอกาสได้เรียนรู้กับครูที่ดีและเก่ง ซึ่งเกิดจากการได้คนเก่งเข้ามาเรียนครู ซึ่งต้องมีแรงจูงใจให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ

แต่ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา กลับร่างแบบมีเงื่อนงำ จนทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูเสียขวัญ เกรงจะถูกลดทอนความเป็นวิชาชีพชั้นสูงในอนาคต โดย ค.อ.ท.เรียกร้องให้คงวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยให้บัญญัติเหมือนเดิมที่บัญญัติไว้ในมาตรา 52 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542

และให้เปลี่ยนคำบัญญัติ "ใบรับรองการประกอบวิชาชีพครู" ให้กลับมาใช้ "ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู" เหมือนเดิม ซึ่งเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบเป็นแนวทางไว้แต่แรกในการบูรณาการร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับรัฐบาล และฉบับประชาชน (สคคท.) ให้แก่คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้ข้าราชการครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง แต่คณะกรรมการกฤษฎีกากลับไม่บัญญัติไว้ให้

2.ให้ยกเลิกคำบัญญัติ "หัวหน้าสถานศึกษา" ให้กลับมาใช้ "ผู้อำนวยการสถานศึกษา" เหมือนเดิม เพราะเป็นตำแหน่งบริหารสถานศึกษาที่มีคุณค่าและมีความหมายเหนือกว่าหัวหน้าสถานศึกษา

3.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นกระทรวงใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รับผิดชอบการจัดการศึกษาหลายระดับและหลายประเภท ดังนั้น การให้ปลัด ศธ.มีอำนาจสูงสุดในการผู้บริหารจัดการศึกษาทั้งระบบ จึงไม่เหมาะสม อาจทำให้การจัดการศึกษาในแต่ละประเภทไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร และยังเป็นการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ไม่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารจัดการที่ดี พ.ศ.2546 

ค.อ.ท.จึงเรียกร้องให้แก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา โดยให้กระจายอำนาจให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดการศึกษาในแต่ละประเภทเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้ปลัด ศธ.มีอำนาจสั่งการเท่าที่จำเป็น แต่เน้นให้ประสาน ส่งเสริมเพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด 

4.ให้ลดความเหลื่อมล้ำของข้าราชการใน ศธ. โดยให้เป็นข้าราชการครูเหมือนกันหมด เพียงแต่แบ่งประเภทตามความรับผิดชอบ คือ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และนักพัฒนาการศึกษา 

อนึ่ง สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EdunewsSiam ได้รับการเปิดเผยจากแกนนำ ค.อ.ท.ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มตัวแทน ค.อ.ท.ชัยภูมิในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค.อ.ท.ในจังหวัดต่างๆ แบบดาวกระจาย ในการเข้ายื่นข้อเสนอเพื่อรับการสนับสนุนจาก ส.ส.ทุกพรรคการเมืองในทุกจังหวัด และ ส.ว.ทุกคน ในประเด็น​การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การศึกษา​แห่งชาติฉบับผ่านกฤษฎีกา ทั้ง 4 ประเด็นหลักดังกล่าว 

 

(โปรดกดถูกใจเพจด้านล่าง เพื่อติดตามข่าวสารบนเว็บไซต์ edunewssiam.com)