เสวนากับบรรณาธิการ 11 พฤษภาคม 2564
แคมเปญ ศธ.!ก่อนเปิดเทอม 2564
"เรียนรู้เพื่อการสอน สอนเพื่อการเรียนรู้"
ในช่วงที่ ร.ร.วุ่นเตรียมการรับมือโควิด-19
ผิดพลาด-ผิดเวลา-สะท้อนปัญหาลงทุน??
วิชเทพ ฦาชาฤทธิ์ : บรรณาธิการ
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า วิกฤต “โควิด-19” เป็นตัวแปรสำคัญ ที่นำพาผู้คนให้เข้าถึงโลกออนไลน์ และขณะเดียวกัน วิกฤต “โควิด-19” ได้สะท้อนให้เห็นความปกติใหม่ของการศึกษาไทยในอีกหลายมิติ ที่สังคมเราต้องพยายามทำความเข้าใจในพฤติกรรมของบรรดาผู้บริหารทางการศึกษา ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงพื้นที่การเรียนรู้ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตอบโจทย์วิถีไทย วิถีโลกในอนาคต ตามภาพที่คาดหวังหรือไม่เพียงใด
กล่าวสำหรับการศึกษาไทย ในภาวะโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้มีการเลื่อนวันเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 จากเดิม 17 พฤษภาคม ออกไปเปิดเรียนวันที่ 1 มิถุนายน 2564 จึงนำมาสู่แคมเปญกระทรวงศึกษาธิการ จัดถ่ายทอดสดผ่านระบบ obec channel, zoom, facebook live, youtube live “เรียนรู้เพื่อการสอน สอนเพื่อการเรียนรู้” ซึ่งเต็มไปหัวข้อกำหนดกิจกรรมยาวเหยียด 14 วัน 80 กิจกรรม วันละ 6 ชั่วโมง 80 วิทยากรชื่อดังบรรยายผ่านการสื่อสารทางเดียว
เชื่อมโยงกับการแถลงของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยกเหตุผลอธิบายเหตุการณ์และเงื่อนไขที่เกิดขึ้นว่า เป็นการมุ่งจัดการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนและครูสำหรับการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์และมีการจัดตั้งเว็บไซต์ครูพร้อม เพื่อเป็นคลังความรู้และกิจกรรมต่าง ๆ ให้นักเรียนและครูได้เรียนรู้ระหว่างที่รอเปิดภาคเรียน รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจจะพัฒนาทักษะของตัวเองก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ เป็นสำคัญ
ก็รับฟังได้ในภาพรวม และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย บรรยากาศจะไม่เหมือนเดิม เนื้อหาในกิจกรรมที่ถูกจำกัดด้วยเวลา ไม่สามารถดึงดูดโน้มน้าวกลุ่มเรียนรู้ให้สนใจได้ตลอด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา แม้จะมีแบบผ่าน Online, Onsite, Onair, Onhand และ OnDemand ไว้ถึง 5 รูปแบ ซึ่งเกิดจาการถอดบทเรียนการจัดการศึกษาในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านมา ให้ศึกษาทบทวนและต่อยอดไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อสถานศึกษาแต่ละแห่งเลือกไปใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ แต่จะมีคุณค่าและสามารถนำไปปฏิบัติต่อได้อย่างแท้จริงหรือไม่ คงต้องรอดู
สุดท้าย ในบทบาทของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คือ วางระบบติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจะต้องไม่เป็นภาระกับสถานศึกษา แต่ไม่วายวางเงื่อนไขอันเป็นภาระให้กับคนปลายทาง ที่กำหนดว่า โรงเรียนใดจะใช้รูปแบบใดในการจัดการเรียนการสอน ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน
จึงมิอาจมองข้ามความย้อนแย้งถึงสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ย่อมยากแท้
นอกจากนี้ เท่าที่ผ่านมาหลายโครงการอันเป็นกิจกรรมสำคัญระดับชาติในเรื่องของการศึกษา เชื่อว่าจะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือกู้วิกฤติ ถ้อยคำอันสวยหรู ดูดี มีคุณค่า เปี่ยมด้วยพลังและความหวังต่อท้าย คือ จะมีการถอดบทเรียนเมื่อสิ้นสุดโครงการหรือดำเนินงานตามกำหนดไว้ และทำทันทีที่เสร็จสิ้นกิจกรรม เพราะเป็นการรวบรวมความรู้ในระยะยาวสำหรับคณะทำงานในอนาคต
แต่ถามว่า กี่หมื่นกี่พันโครงการมีแต่ผ่านมาและผ่านไป เราเคยเห็นสักกี่ชิ้นงานในรอบ 2 ทศวรรษ ขณะที่เม็ดเงินที่ต้องจ่ายออกไปมหาศาลกลายเป็นตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพื่อแก้ปัญหาความตกต่ำในเรื่อคุณภาพและการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา อันยากที่จะเห็น
หากนำกิจกรรม “ เรียนรู้เพื่อการสอน สอนเพื่อการเรียนรู้ ” ที่เต็มไปกิจกรรม 80 กิจกรรม 80 วิทยากร วันละ 6 ชั่วโมง ยาวเหยียดเช้า-เย็นตลอด 13 วัน ในช่วง 12-28 พฤษภาคมนี้ มาปรับใหม่ ก็คงเป็นไปไม่ได้ ยังไงต้องเดินหน้าต่อไปตามกำหนดการ ท่ามกลางคำถามที่มีอยู่ในใจสังคมมิใช่น้อย
ดังข้อความแสดงความคิดเห็นของ อาจารย์อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งไปถึง รมว.ศธ. ตรีนุช เทียนทอง หลากหลายประเด็น ซึ่งขออนุญาตหยิบยกนำบางประเด็นมาให้เห็น ดังต่อไปนี้
...โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ และเห็นกำหนดการในโปรแกรมอบรมครูทั่วประเทศ ที่ส่งต่อกันในไลน์อย่างกว้างขวางแล้ว เกิดข้อสงสัยอย่างยิ่งเกี่ยวกับการคัดเลือกวิทยากรโดยระดมครูจากสถาบันกวดวิชา และเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมจากสถาบันเอกชนที่ขายคอร์สพัฒนาครูเป็นหลัก มาอบรมครูในระบบ...
...เท่าที่ผมศึกษาดูจากนโยบายพัฒนาครูในหลายประเทศ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ามีประเทศใดในโลกดำเนินการด้วยแนวทางนี้นะครับ...
...ธรรมชาติของงานที่ติวเตอร์ทำ กับครูเต็มเวลาใน ร.ร.ทำ ต่างกันมาก การดึงพวกเขามาไม่ใช่ความผิดพวกเขาเลย...
...แต่มันสะท้อนว่า การกำหนดนโยบายยังขาดความเข้าใจเรื่องการศึกษาและไม่ได้กำหนดนโยบายบนฐานปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม ปฏิรูปนิยม และมนุษยนิยมใหม่ อันเป็นหัวใจของการศึกษากระแสหลักที่มีคุณภาพทั่วโลก รวมทั้งระบุอยู่ใน พรบ.การศึกษาฉบับปัจจุบัน กิจกรรมตามนโยบายนี้สะท้อนชุดความคิดที่ยังติดอยู่ในโลกของการศึกษา 100 ปีที่แล้ว ที่คิดว่าต้องหาวิธีถ่ายทอด อธิบาย วิเคราะห์ให้ฟัง มองงานสอนเป็นงานเชิงเทคนิควิธีการมากกว่าการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน...
...การอบรมแบบฟังอย่างเดียวให้ได้ Input แบบนี้หลายประเทศยกเลิกไปนานแล้ว ใช้เฉพาะวาระรับฟังนโยบายบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องระดับนานาชาติมาคุย...
...ในลิสต์รายชื่อวิทยากรที่มี ผมเชื่อว่าสำหรับครูไทยที่เก่ง ๆ ใฝ่รู้ รักดี ก้าวข้ามกำแพงภาษาพอได้เห็นเข้าคงส่ายหัว พวกเขาหาฟังประชุมออนไลน์นานาชาติที่มีวิทยากรดัง ๆ ระดับเอเซีย-แปซิฟิค ระดับโลก ได้ด้วย Free Webinar หรือเรียนผ่าน Mooc และ Coursera ได้มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ มาสักพักใหญ่แล้วนะครับ...
...หากจะเปรียบเทียบโดยง่าย เรากำลังเจอโจทย์ยากทางการแพทย์ เช่น โรคระบาด ไม่มีประเทศใดจะกะเกณฑ์หมอ พยาบาล มานั่งฟังบรรยายจากนักเทคนิคการแพทย์ หรือตัวแทนจำหน่ายยา ซึ่งทำหน้าที่ในฟังค์ชั่นอื่น มาอธิบายแนะนำ 'เครื่องมือ' และ 'สินค้า'...
...แต่เขาจะสนับสนุนให้ระบบผู้ให้คำปรึกษา (Consultation) ระหว่างหมอและพยาบาลด้วยกันเข้มแข็ง ฟีดข้อมูลจากงานวิจัยและข้อมูลที่อัพเดตที่สุดให้คนทำงานภาคสนาม...
...ผมหาได้กล่าวโทษ หรือดูแคลนวิทยากรทุกท่านในลิสต์ พวกเขาแค่ถูกเชิญ และเป็นการเลือกกำหนดโจทย์ที่ผิดจากผู้กำหนดนโยบาย...
...ผมเข้าใจว่า ท่าน รมว.ในฐานะผู้มาใหม่ของวงการย่อมถูกห้อมล้อม ให้คำแนะนำและมีคนพยายามขอเข้าพบจำนวนมากจากสารพัดบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจการศึกษาและพร้อมเสนอความช่วยเหลือด้วยความหวังดีห่วงใย...
...น่าสนใจว่าเราเปลี่ยนรัฐมนตรีมาไม่รู้กี่คน แต่ปัญหาเหล่านี้ยังคงอยู่ เครือข่ายระหว่างเทคโนแครต ข้าราชการระดับสูง และหน่วยธุรกิจเหล่านี้ น่าจะแข็งแกร่งเป็นกำแพงเหล็กที่ท่านคงต้องพยายามหาทางเจาะช่องรับฟังสื่อสารกับครูจริง ๆ ที่เป็นคนทำงานที่หน้างานให้มากขึ้น...
ผู้เขียนบทบรรณาธิการ เห็นด้วยกับ อาจารย์อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกประการ โดยเฉพาะข้อแตกย่อยในเรื่องให้เวลาคุณครูได้คุยหารือ ได้พัก ได้เตรียมตัวสอนเถิดครับ
ดีกว่าบังคับให้เปิดหน้าจอ เช็คชื่อ อบรมออนไลน์กับใครก็ไม่รู้ ที่ไม่ได้เข้าใจปัญหาเฉพาะหน้าที่ครูกำลังต้องเผชิญ แล้วก็ต้องแอบปิดกล้องนั่งประชุมเตรียมการสอนกันไป และฝากโจทย์ให้คุณครูขบคิดวิธีการทำความรู้จักสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับนักเรียนในการสอนทางไกลตั้งแต่สัปดาห์แรกของเทอม
ให้เด็ก ๆ ได้พัก ได้เล่นสนุกตามใจบ้างเถิดครับในช่วง 11 วันที่เลื่อนเปิดเทอม เด็ก ๆ ล้ามาเต็มทีกับการเรียนปนไปปนมาระหว่างออนไลน์/ออฟไลน์ หลายคนเครียด เบื่อ เหนื่อยล้า หมดแรงจูงใจไปแล้ว รวมทั้งอีกไม่น้อยที่ซึมซับรับรู้ความเครียดทางเศรษฐกิจ สังคม และความหวั่นกลัวการติดเชื้อร่วมกับผู้ใหญ่
และกระทรวงศึกษาธิการเองก็ไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่รอบรู้เก่งกาจไปทุกอย่าง แต่ควรทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน จัดหางบประมาณ เป็นโค้ช สนับสนุนให้ทุก ร.ร.มีการจัดการประชุมออนไลน์ หรือถ่ายทอดสดผ่านระบบ zoom, facebook live, youtube live แลกเปลี่ยนกันเองกับครูที่ดูแลนักเรียน ติดตามผล ร่วมถอดรหัสนวัตกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้ในยุคเปลี่ยนผ่าน และสะท้อนคิดการเรียนรู้ผ่านงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียน ในบริบทเดียวกัน นำไปปรับประยุกต์ใช้ได้เหมาะสมกับงานตามบทบาทภารกิจของตน
บทเสริมสุดท้าย ในอีกมุมมองที่ว่า กิจกรรม “เรียนรู้เพื่อการสอน สอนเพื่อการเรียนรู้” ที่เต็มไปกิจกรรม 80 กิจกรรม 80 วิทยากร จากรัฐและภาคเอกชนชื่อดังระดับชาติ ตามคิวเข้ารายการตามคำเชิญนั้น ส่วนใหญ่จะเข้าลักษณะดูคล้าย ๆ จะได้โอกาสขายแบรน์ด ขายคอร์สอบรม แต่เราเชื่อว่า ทุกคนมาด้วยความตั้งใจและปรารถนาดี
คงต้องชมว่า งานนี้น่าจะเป็นระดับมืออาชีพเข้ามาทำงานเป็นทีม ล้วนมากด้วยฝีมือและประสบการณ์สูงยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการวางสคริป การปล่อยคอนเทนต์และจัดการเบร็ดเสร็จ ทั้งนามและกิจกรรมตามท้องเรื่อง ตลอดการวางแผนประชาสัมพันธ์ที่เหมาะเจาะลงตัว เร้าความน่าสนใจ ด้วยโปสตอร์หลายรูปแบบี่มีสีสันท มาตั้งแต่เดือนมีนา-เมษาฯที่ผ่านมา
มีคนเชื่ออีกด้วยว่า ช่วงเวลาสำคัญของสถานศึกษากำลังเตรียมเปิดภาคเรียนของปีการศึกษาใหม่ ภายใต้ “เรียนรู้เพื่อการสอน สอนเพื่อการเรียนรู้” ที่เต็มไปกิจกรรม 80 กิจกรรม 80 วิทยากร วันละ 6 ชั่วโมง ยาวเหยียดเช้า-เย็นตลอด 13 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-28 พฤษภาคม 2564 ของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกโครงการและทุกกิจกรรมที่มากด้วยค่าใช้จ่ายที่จำต้องจ่าย
ในที่สุดงานนี้เมื่อจบแล้วเห็นที คุณตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. ต้องมีการแจงงบประมาณที่มาที่ไปเพื่อความโปร่งใส สบายใจทุกฝ่าย ตรวจสอบได้ และมีการถอดบทเรียน ติดตามและประเมินผลโครงการ ตามสัญญา
เพราะเชื่อว่า...ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณ
EdunewsSiam : เสวนากับบรรณาธิการ
(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)