“ขรก.เกษียณ”เดือด'พรรคก้าวไกล'...ตอกกลับ!เลิกบำนาญ ส.ส.-เงินเดือน 8 ทีมงาน

เสวนากับบรรณาธิการ 6 มิถุนายน 2565

"ขรก.เกษียณ"เดือด"พรรคก้าวไกล"

ตอกกลับ! เลิกเงินบำนาญ ส.ส.

งด.ทีมงาน'ผู้ช่วย-ผู้เชี่ยวชาญ' 8 ตน.

มีบันทึกถึงเหตุการณ์ทางการเมืองไว้ว่า...รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ยุคแรกนั้น ได้มีการอนุมัติให้ขึ้นค่าตอบแทนให้ข้าราชการการเมือง และ ส.ส.กับ ส.ว. โดยเฉพาะ ส.ส.กับ ส.ว. ได้ปรับเงินเดือนขึ้นจาก 77,000 บาท เป็น 104,330 บาท แล้วยังอนุมัติให้ข้าราชการการเมืองได้รับบำนาญอีกด้วย...

 

และจบไปแล้วสำหรับการพิจารณางบประมาณปี 2566 ของสภา แถมยังไม่มีอะไรในกอไผ่ ตามด้วยเสียงโหวตงบฝ่ายค้านไม่เป็นเอกภาพ ซีกรัฐบาลยังคงชนะโหวตในวาระรับหลักการ  ไป ๆ มา ๆ “ก้าวไกล” โดนกระแสตีกลับ เป็นยิ่งกว่า “ก้าวม้วย...ช้างป่วย” อภิปรายน้ำท่วมทุ่ง เป็นเรื่องกล่าวหารัฐบาลอย่างเดียว ไร้เรื่องผลประโยชน์ของประชาชนเข้าไปข้องเกี่ยว  พลาดสุด ดันไปเปิดศึกกับข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ โดนสวนกลับหน้าแหกสุดเจ็บ ชนิดหมอไม่รับเย็บ

นอกจากนี้ ยังใมีผลสืบเนื่องจากการประชุมสภา อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน  3 ล้าน 1 แสน 8 หมื่น 5 พันล้านบาท วาระแรกของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวใกล ที่ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่รับหลักการ โดยระบุว่า ปีนี้เป็นงบประมาณที่เรียกว่างบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ มีรายได้ผันผวนรายจ่ายแข็งตัว การกู้จะหลุดกรอบ เมื่อประเทศไทยมีรายได้ 2 ล้าน 4 แสน 9 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องกู้เพิ่ม 6 แสน 9 หมื่น 5 พันล้านบาท ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงทั่วโลก และ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อให้เพียงพอต่อรายจ่ายที่แข็งตัว 3 ล้าน 1 แสน 8 หมื่น 5 พันล้านบาท

ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุย้ำว่า ตัวเลขที่สูงที่สุดในงบประมาณของชุดนี้ คือ บำเหน็จบำนาญของข้าราชการกว่า 3 แสนล้านบาท สูงกว่างบของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ดูแลเด็กทั้งประเทศ นี่คือ ปัญหาช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้

สาระสำคัญมีว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมา บำนาญ ปี 2557 อยู่ที่ 1 แสน 4, ปี 64 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท  ปี 2566 อยู่ที่ 322,900 ล้านบาท ถามไปที่สำนักงานกพ.ครับ ตัวเลขนี้จะขึ้น 7 แสน ในปี 2570 ซึ่งมื่อถึงตรงนี้  นายพิชาถามกลางสภาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแบบดราม่าว่า จะเอาเงินมาจากไหน 

“...ตอนนี้ ข้าราชการเกษียณ มีอยู่ 8 แสน ปี 2580 ก็บอกว่าจะมีถึง 1 ล้าน 2 หมื่น 1 ล้าน2 แสนคน นะครับ แค่บำนาญ แค่บุคลากร เนี่ยเกินงบประมาณที่เราจะใช้ไปเยอะมากเลยทีเดียว อันนี้เป็นยาขมที่ต้องกลืนแล้ว

ผมก็ต้องส่งสัญญาณดัง ๆ ไปยังพี่น้องข้าราชการที่เคารพรักทุกท่านว่า เราต้องมาช่วยกันคิดล่ะครับว่า กระบวนการหลักราชการช่างอุ้ยอ้ายเหมือนช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้แบบนี้ หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องแบบนี้กันยังไง ถ้าเกิดเราปล่อยอย่างงี้ไปอีกสิบปี สามแสนกว่าล้าน ที่เป็นอันดับหนึ่งของปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ คือ งบของข้าราชการไปถึงปี 2583  จากแสนกว่าล้านจะกลายเป็นแปดแสนกว่าล้าน ลูกหลานเราจะพัฒนาประเทศยังไง...” 

หลังจากนั้น เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ข้อความ พร้อมกฎหมายเกี่ยวกับเงินบำนาญ ส.ส. โดยระบุว่า “เป็นบำนาญที่สร้างภาระให้กับรัฐบาลและประชาชนมากที่สุด ทำงานแป๊บเดียวก็ได้บำนาญ ข้าราชการต้องทำ 25 ปี ถึงได้บำนาญ เอาเปรียบสังคมมากๆ ยกเลิกไปเสียเถิด” 

ขณะที่ความเห็นของ ภาคภูมิ ลุงหน่อง สุนทรศร ระบุว่า

๑. พ.ร.ก.ว่าด้วยเงินบำนาญ ส.ส. …เพิ่งรู้ว่า สส มีเงินบำนาญกินเมื่อพ้นหน้าที่ด้วย

๒. พ.ร.ก.ดังกล่าว มีการพิจารณาออกใช้สมัยใด…ประชาชนแทบไม่มีใครรู้

๓. ทำไมถึงเงียบจัง ไม่มี ส.ส. หรือ พรรคการเมืองใดคัดค้าน ตอนพิจารณาร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้บ้างหรือ ?…คงเป็นเพราะสมประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด

ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน นายศรศักดิ์ อ้วนด้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทยเครือข่าย สหพันธ์ข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย กองเลขาธิการ สบท.ได้ออกหนังสือ ลงวันที่ มิถุนายน 2565 ถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในประเด็นการอภิปรายงบประมาณปี 2566 มีผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญ ความว่า...

ด้วยศูนย์พิทักษ์สิทธิสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการบำนาญทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก จากการอภิปรายเรื่องงบประมาณประจำปี 2566 ได้กระทบต่อข้าราชการบำนาญ บั่นทอนจิตใจ ดูถูกเหยียดหยาม กล่าวหาว่า ข้าราชการบำนาญเป็นช้างป่วย เป็นปัญหาในการพัฒนาประเทศ ความละเอียดทราบแล้วนั้น

บัดนี้ข้าราชการบำนาญทั่วประเทศมีความกังวลใจ เสียใจในการอภิปรายงบประมาณประจำปี 2566 ของ นายพิชา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.พรรคก้าวไกล จึงขอถามท่านเป็นประเด็นใหญ่ๆ ดังนี้

 

1. ท่านกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ข้าราชการบำนาญทั่วประเทศก็ผิดแล้ว ทำไมท่านถึงมีอคติต่อข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ ดูถูกเหยียดหยามเปรียบเป็น "งบช้างป่วย" ฯลฯ

2. พรรคก้าวไกล มีนโยบายที่จะตัดงบประมาณ เงินเดือน, เงินค่าตอบแทนข้าราชการบำนาญและข้าราชการ บุคลากรของรัฐใช่หรือไม่ ?

3. ท่านเป็นคนรุ่นใหม่แต่ทำลายความรู้สึกของผู้อาวุโส ผู้มีความรู้ความสามารอ ประสบการณ์พัฒนาประเทศในอดีต ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ (แผ่นดินเกิด) ตลอดชีวิต เป็นข้าของแผ่นดินพลังสมองของประเทศ แต่ถูกท่านกล่าวพาดพิงเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 3 มิ.ย.65 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ...เหมือนช้างป่วย ฟังแล้วของขึ้น...

...ยังคาใจอยู่ ก็การอภิปรายของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ทำนองว่า เงินบำนาญที่จ่ายให้กับข้าราชการเกษียณอายุ 3 แสนล้านบาท เปรียบเทียบกับบำนาญประชาชนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท  ให้ดูว่าการให้บำนาญข้าราชการเป็นภาระต่อการพัฒนาประเทศไม่ก่อให้เกิดประโยชน์  

ผมเป็นหนึ่งในข้าราชการบำนาญ ที่รับราชการจนครบเกษียณอายุ และมีสิทธิรับเงินบำนาญ ข้าราชการที่จะได้รับเงินบำนาญ ต้องรับราชการมาไม่น้อยกว่า 25 ปี ไม่ใช่เวลาวันสองวัน วันที่ผมบรรจุเข้ารับราชการครั้งแรก รุ่นผมได้เงินเดือนๆ ละ 1,250 บาท ย้ำ 1,250 บาท พวกข้าราชการอย่างผมสู้ก้มหน้าทำงาน ในขณะที่เพื่อนๆ ที่ทำงานเอกชนรับเงินเดือนมากกว่าราชการหลายเท่า ข้าราชการเสียสละรับเงินเดือนน้อยและหวังสวัสดิการรักษาพยาบาทในยามแก่เฒ่า

ข้าราชการที่บรรจุหลังปี 2544 จะไม่ได้เข้าสู่กฎหมายบำนาญ แต่ทุกคนจะเข้าสู่ระบบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กบข.และเปิดโอกาสให้ข้าราชการที่รับราชการอยู่ในปี 2544 และยังไม่เกษียณอายุ สามารถสมัครใจเข้าสู่ กบข.ได้ และมีข้าราชการจำนวนมากสมัครใจเข้าสู่ กบข. ดังนั้น เหลือข้าราชการที่รับเงินบำนาญจำนวนไม่มากนัก มองปัญหาให้ถูกจุดด้วย

พวกเราไม่ได้อิจฉานักการเมืองที่ทำงานด้วยน้ำลาย แต่ก็มีบำนาญเหมือนข้าราชการ กรรมาธิการงบประมาณลองเสนอเลิกบำนาญ ส.ส.ในขั้นกรรมาธิการให้ที เผื่อจะประหยัดงบประมาณอย่างที่ ส.ส.เสนอ ขอบ่นๆ ไปยังเพื่อนข้าราชการบำนาญทุกท่าน ให้รู้ว่านักการเมืองมองพวกเรายังไง”

ซึ่งนายนันทิวัฒน์ สามารถ ได้โพสต์ข้อความระบุถึงประเด็นที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาอภิปรายถึงเงินบำนาญข้าราชการเป็นตัวปัญหาของประเทศเอาไว้ว่า เงินบำนาญ คือ ปัญหาของประเทศ เสธฯ.เข้าใจดีว่านายพิธา นั้นเป็นลูกคนรวย เป็นนักธุรกิจ อยู่บนกองเงินกองทองมาทั้งชีวิต ย่อมไม่สนใจเงินบำนาญอยู่แล้ว แต่การพูดว่า เงินบำนาญ คือ ตัวปัญหา ของการพัฒนาประเทศนั้นเป็นสิ่งไม่สมควร

หนึ่ง ข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานด้วยเงินเดือนที่ต่ำกว่าเอกชนและหน่วยงานราชการเกือบทั้งหมด ไม่ได้มีโบนัส ดังนั้น สวัสดิการรักษาพยาบาลและเงินบำนาญหลังเกษียณ คือ สิ่งที่มาชดเชยเงินก้อนใหญ่ใหญ่ที่ข้าราชการไม่มีแบบเอกชน บำนาญและสวัสดิการนั้น ต่างจากเงินก้อนใหญ่แบบเอกชน คือ มันจะได้ใช้เมื่อเข้าเกณฑ์หรือเงื่อนไข กล่าวคือ ถ้าไม่เจ็บป่วยก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์รักษาพยาบาล ถ้ายังไม่เกษียณก็ยังไม่ได้รับเงินบำนาญ ระบบนี้ทำให้ภาครัฐไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่ ๆ ในแต่ละเดือน แต่จ่ายเมื่อต้องจ่ายเรียกได้ว่าประหยัดเงินกว่าการจ่ายเป็นก้อนใหญ่ ๆ แบบเอกชนด้วยซ้ำ

ข้าราชการบางคน สุขภาพดีมาก แทบไม่เคยต้องใช้สิทธิ์รักษาพยาบาล บางคนเกษียณแล้วก็ตายเลยยังไม่ทันได้จ่ายบำนาญแบบนี้ก็มี ถ้าจะไม่ให้มีเงินบำนาญแล้วรัฐต้องจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการเทียบเท่าเอกชน ซึ่งต้องเพิ่มงบประมาณมหาศาลมากพอ ถึงตอนนั้นก็จะโจมตีข้าราชการอีกว่าใช้เงินเยอะ การพูดว่าเงินบำนาญ คือ ปัญหาของประเทศ จึงเป็นคำพูดที่ไม่ฉลาดเลย 

สอง บำนาญข้าราชการนั้น ไม่ใช่ของที่มาอยู่แป๊บ ๆ แล้วก็ได้ ต้องรับราชการนานถึงยี่สิบห้าปี จึงจะมีสิทธิ์การรับเงินเดือนในอัตราที่น้อยกว่าเอกชนถึงยี่สิบห้าปีนั้น ไม่ใช่เวลาน้อยๆ ดังนั้นการได้รับสิทธินี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว

สาม เพราะอภิสิทธิ์ชนบางพวกนะครับ ที่ไม่ต้องรับราชการนานก็ได้บำนาญ อย่างพวกส.ส.แบบท่านนั่นแหละ ถ้าอยากให้ไม่มีบำนาญ เริ่มจากพวกส.ส.เสียก่อน มาอยู่แป้ปงานที่มี คือ ดีแต่พูด พูดแล้วประเทศได้ประโยชน์บ้าง พูดแล้วขัดขวางความเจริญบางแบบที่เรากำลังเห็นจากพวกฝ่ายค้าน แต่ได้บำนาญเหมือนคนที่ทำงานมากกว่ายี่สิบห้าปี แบบนี้มันทุเรศเหมือนกันนะครับ การพูดแบบนี้โดยส่วนตัว  ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้สูงอายุ เข้าทำนองใช้แล้วทิ้ง มีอย่างหรือ เขาทำงานให้กับประเทศมาตั้งนาน แล้วเงินเดือนที่ได้รับก็ถือว่าไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับเอกชน แต่มาบอกว่าเงินที่เขาได้ใช้เลี้ยงชีพหลังเกษียณ คือ ภาระของประเทศ แบบนี้ก็เท่ากับชี้หน้าด่าผู้สูงอายุ คือ ตัวปัญหาของประเทศ นั่นแหละครับ อย่ายกยอตัวเองว่าทำงานเพื่อประชาชนเลยครับ ถ้ายังมีความคิดแบบนี้

หลังจากนั้นแม้ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ทำนองว่า งบประมาณบำนาญข้าราชการ 3 แสนล้านบาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับบำนาญประชาชนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ให้ดูว่า การให้บำนาญข้าราชการเป็นภาระต่อการพัฒนาประเทศก็ตาม แต่ถูกกระแสโต้กลับจากหลายกลุ่มข้าราชการบำนาญและเครือญาติ-ลูกหลาน รมทั้งได้มีข้าราชการบำนาญและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับถ้อยอภิปราย ของสส.พรรคก้าวไกล ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยความรู้สึกต่าง ๆ นานา ในเชิงไม่เอาพรรคก้าวไกลแล้ว ยังมีบทกลอนอีกหลายชิ้นจากกลุ่มบำนาญ แสดงความรู้สึกถึงประเด็นดังกล่าวอย่างดุเดือด  อาทิ

❝ ลำนำเสียงเพรียก  จากข้าราชการบำนาญ....

...ข้าราชการบำนาญของบ้านเรา   คือคนแก่คนเฒ่าเกินหกสิบ

ทางการเขาเลี้ยงใจให้กินทิพย์   ไม่ต้องนอนตาปริบถูกลอยแพ

...ยอมเงินเดือนน้อยกว่ารัฐวิสาหกิจ  เพื่อเอาสิทธิ์รับบำนาญตอนกาลแก่

คนชั่วช้าสามานย์มันพาลแท้  สร้างกระแสรังแกพ่อแม่มัน

...'งบช้างป่วย' ผูกพันดูมันว่า  วาทกรรมกล่าวหามาเสกสรร

มันอิจฉาตาร้อนยอกย้อนครัน  เขย่าคืนเขย่าวันเหมือนมันแค้น

...เป็น ส.ส.ในสภาเวลานี้  พวกมันรายได้ดีเดือนเหยียบแสน

ข้าราชการที่ไหนในไทยแลนด์  กี่คนเงินเดือนแม้นผู้แทนเรา

...อย่าอิจฉาตาร้อนยอกย้อนนัก   อย่าตั้งหลักรังแกคนแก่เฒ่า

ยังไม่รู้ก็ถามอย่าพล่ามเอา   ผู้ทรงเกียรติเสียเปล่าไม่เข้ายา

...เฮ้ย... น่าชังรังแกแต่ผู้เฒ่า  ไม่ใครเห่าคนแก่นอกแต่หมา

เพราะไม่รู้เผ่าพันธุ์เลี้ยงมันมา  จนเติบกล้าร้อยเล่ห์เนรคุณ 

นอกจากนี้ ยังมีการเชิญชวนข้าราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรมข้าราชการบำนาญ บุตรหลานและเครือญาติทุกท่านของข้าราชการหรือข้าราชการบำนาญทั่วประเทศ ร่วมกันแบนพรรคก้าวไกล ด้วยการไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้พรรคก้าวไกลอีกต่อไป  ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งกี่ครั้งก็ตาม และเรียกร้องเชิญชวนส่งข้อความร่วมกันแชร์ต่อทางไลค์ ทางเฟส หรือช่องทางใด ๆ ที่สามารถส่งได้ทุกช่องทาง เพื่อร่วมกันแบนพรรคก้าวไกลให้ไม่มีที่นั่งในสภาอีกต่อไป  

ตามมาด้วยบทกวี ร่วมสมัย จากผู้ใช้นามว่า  กรีฑา เขียนว่า...

❝ ไอ้อุบาทว์... 

...ไอ้อุบาทว์ชาติเปรตเศษมนุษย์   มาแขวะขุดบำนาญการไหรหมึง

งานอื่นมีมากมายไม่คำนึง  เสือกทะลึ่งขึ้นมาหัวหน้าคน

...เปรตไหนยกขึ้นมาหัวหน้าพรรค ไม่รู้จักนำพาสัตว์หน้าขน

ไม่วิเคราะห์พิจารณาค่าของคน  ใช้เล่ห์กลลอบกัดตัดบำนาญ

...งานราชการสอบได้ไม่ง่ายนัก  ไม่รู้หลักดัดจริตคิดล้างผลาญ

คนอย่างนี้หรือจะเป็นรัฐบาล  ไปบริหารโคควายใช้ไถนา

...ขอสาปแช่งอย่าให้เป็นนายคน  เลือกกี่หนตกทุกหนนั่นแหละหนา

เราบำนาญร่วมกันช่วยตีตรา  อย่าให้ขี้ข้าชั่วร้ายเป็นนายคน

ต่อมา แม้จะได้มีโพสต์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ชี้แจงว่า พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีนโยบายในการยกเลิกบำนาญ แค่มองว่าเป็นงบประมาณที่สูง อยากจะขอความร่วมมือข้าราชการดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้มีการยกสวัสดิการประชาชนขึ้นมาให้เท่าเทียมกัน (จากไทยโพสต์) แต่ดูเหมือน จะเป็นภาพเชิงลบมากกว่า และดูเหมือนกลายเป็นความฝังใจในพฤติกรรมการไม่รู้จักบุญคุณคน ของคนในพรรคก้าวไกลได้ขยายออกไปในสังคมอย่างกว้างไกล

อย่างไรก็ตาม เฉลิมชัย ยอดมาลัย บก.คนดัง แนวหน้า เขียนไว้เมื่อ Saturday, June 04, 2022 มีการยกเรื่องราวถึง ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตรยุคแรกนั้น ได้มีการอนุมัติให้ขึ้นค่าตอบแทนให้ข้าราชการการเมือง และ ส.ส.กับ ส.ว. โดยเฉพาะ ส.ส.กับ ส.ว. ได้ปรับเงินเดือนขึ้นจาก 77,000 บาท เป็น 104,330 บาท แล้วยังอนุมัติให้ข้าราชการการเมืองได้รับเงินบำเหน็จบำนาญอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังเป็นที่รับรู้และจดจำได้ดีด้วยว่า ส.ส.และ ส.ว. ยังต้องการสิทธิพิเศษด้วยการเลื่อนที่นั่งบนเครื่องบินจากชั้นประหยัดไปเป็นชั้นธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่ ส.ส.และ ส.ว. เดินทางด้วยเครื่องบินฟรี เพราะสภาเป็นผู้ออกค่าเดินทางให้ โดยในยุคหนึ่งมี ส.ว. (พนัส ทัศนียานนท์) อ้างว่า ส.ส.และ ส.ว.ต้องนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ เพราะข้าราชการซี 9-10 ขึ้นไปได้นั่งชั้นธุรกิจ แต่คำถามที่ตามมาคือ ส.ส.และ ส.ว. นั่งเครื่องบินด้วยภารกิจของงานหรือนั่งเพราะเรื่องส่วนตัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ส.ส.และ ส.ว.ต้องสำเหนียกไว้ให้จงหนัก

หาก ส.ส.จะอ้างว่าต้องลดขนาดความเป็นรัฐราชการลง ก็ต้องปรับลดจำนวน ส.ส.และ ส.ว.ลงเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ ส.ส.ก็มีจำนวนเฟ้อยิ่งกว่าช้างป่วยไม่น้อยไปกว่าข้าราชการแล้ว ถ้าหากจะลดงบฯประจำของข้าราชการก็ต้องลดงบฯประจำของ ส.ส.และ ส.ว.ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ก่อนที่ ส.ส.จะเรียกร้องให้ลดงบประมาณใด ๆ ลงก็ต้องส่องกระจกแล้วมองพฤติกรรมของตนเองด้วย อย่าดีแต่พูดพล่ามไปเรื่อย โดยไม่ดูพฤติกรรมของตนเอง อย่าคิดว่า ส.ส.มีความสำคัญ และวิเศษมากกว่าข้าราชการ

ตามด้วยคำถาม ถึงเวลาทบทวนเลิกเงินบำนาญตลอดชีพของบรรดา ส.ส. และตำแหน่ง ‘ผู้ช่วย-ผู้เชี่ยวชาญ’ อีก 8 ตำแหน่ง ที่กินเงินเดือน 1.5-2.4 หมื่นบาท/เดือน ซึ่งใช้งบประมาณแผ่นดินมาจ่ายด้วยเช่นกัน   

 

(โปรดกดถูกใจเพจ Edunewssiam ด้านล่างขวา เพื่อรับข่าวสารอัพเดตในฟีดข่าว)